วิกกี้ กันตา เปิดใจสาเหตุ ออกจากวงการ พลิกบทบาทสู่สาวออฟฟิศ

เป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวสุดแซ่บที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังมากในอดีตแต่กลับห่างหายจากวงการบันเทิงออกไปกว่า 10 ปีเพราะตั้งท้อง!! จนมีคนเม้าธ์ว่าเธอท้องก่อนแต่ง ล่าสุด วิกกี้ กันตา ดานาว ออกมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 พร้อมเผยสาเหตุจริงๆที่ออกจากวงการคือออกไปเลี้ยงลูกหรืออะไรกันแน่? อีกทั้งดาราสาวคนนี้ยังเจอจุดเปลี่ยนในชีวิตมากมายจนกลายเป็นพนักงานออฟฟิศที่โดนกลั่นแกล้งสารพัด

วิกกี้ กันตา

กันตา ดานาว

เข้าวงการมากี่ปีแล้ว ?
“ถ้าย้อนไปก็ตั้งแต่อายุ 16 น่าจะ 30 กว่าปี ที่เข้าได้จริงๆ ก็คือ เขาหาคนพูดภาษาอังกฤษได้หาคนหน้าตาลูกครึ่ง เมื่อก่อนจะมีโมเดลลิ่งมาตามโรงเรียนนานาชาติเริ่มต้นประมาณนั้นเลย เพราะเราได้ภาษาแล้วละครเรื่องแรกเขาต้องการนางเอกไปอังกฤษด่วนภายใน 2 อาทิตย์”

หนุ่มๆเข้ามาจีบเยอะมั้ย ?
“เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกไปไหน”

ไม่พูดถึงคุณสามี สมัยก่อนเขาจีบแบบไหนประทับใจที่สุด ?
“ถ้าสมัยเด็กก็จะมีข้อความฝากเอาไว้ สมัยโน้นไม่ใช่โซเชียลเหมือนสมัยนี้ ก็จะเป็นจดหมายที่ซองก็จะฉีดน้ำหอม ตุ๊กตา ลายดอกไม้ น่ารักๆ พอเข้าวงการมันก็มีคนมาจีบบ้าง”

เข้าวงการนานมั้ยถึงเจอคุณสามี ?
“หลายปีอยู่ค่ะ ประมาณ 7-8 ปี เหมือนออกงานแล้วกลุ่มเพื่อนที่เราออกงานกับกลุ่มเพื่อนทางคุณสามีเขาเจอกัน เมื่อก่อนเขาเป็นเจ้าของเธค ผับ แล้วเราไปโชว์ตัว ก็เจอกัน ออกงานบ่อยๆ ถามว่าเจอกันแล้วปิ๊งเลยมั้ย ก็ไม่ขนาดนั้นด้วยความที่งานเราเยอะ ต้องบอกว่าเมื่อก่อนนักแสดงไม่เยอะเหมือนสมัยนี้ เพราะฉะนั้นงานละครเราทุกวัน 7 วันเราถ่ายละคร 3-4 เรื่องทั้งคิวกลางวัน กลางคืน มันไม่มีเวลาจริงๆ โอกาสที่จะมาเจอคนข้างนอกค่อนข้างยาก นอกจากไปงาน”

วิกกี้ กันตา

ไม่ได้ท้องก่อนแต่งค่ะ

สมัยก่อนโซเชียลยังไม่แรง เวลามีแฟนหรือทำอะไรก็ต้องเก็บเงียบๆ แต่พี่เปิดตัวแฟนเลย รวมถึงท้องก็ประกาศด้วย ?
“ใช่ค่ะ ด้วยความที่เรานิสัยเราจะฝรั่งๆ เป็นคนตรงๆ ไม่ต้องรอให้มาแอบว่าทำไมช่วงนี้ดูอวบขึ้น เอ๊ะ ท้องหรือเปล่า แล้วก็มีข่าว บอกว่ามีแฟนแล้วนะเป็นคนนี้ พอท้อง ก็บอกท้องแล้วนะ คือประกาศเลยยังไม่ทันได้มีใครมาตื่นเต้นแอบสืบข่าวของเรา”

ไม่กลัวดราม่าพวกแฟนคลับของเรา พอเรามีเจ้าของแล้วความรู้สึกจะเปลี่ยน ?
“สมัยก่อนเข้าวงการตั้งแต่อายุ 16 ทำงานทุกวันจริงๆ กลางวันกลางคืนทุกวัน ไม่เคยได้พักมันรู้สึกเหนื่อย พอเรามีตรงนี้เรารู้สึกว่าพร้อมแล้วอาจจะเป็นผู้ใหญ่เกินตัวด้วย ตอนที่ตั้งท้องอายุ 21 ตอนมีลูกแล้วก็อายุ 22 ปี”

ตอนนั้นเป็นนางเอกชื่อเสียงกำลังมาไม่ได้แคร์เรื่องของดราม่าหรือว่างานจะหด ?
“ไม่ค่ะ เพราะอย่างที่กล่าวไว้ว่านักแสดงน้อยงานเยอะมาก ตอนนั้นความคิดของเราคืองานมันเยอะมากๆ จริงๆไม่ได้คิดว่าจะมีเอฟเฟกต์อะไรมากระทบ”

ตอนนั้นเรียกว่าท้องก่อนแต่งได้มั้ย ?
“ไม่ค่ะ เพราะว่าแต่งก่อนท้อง“

พอท้องแล้วคลอดก็หายจากวงการเลย ?
“ตอนนั้นยังถ่ายละครอยู่ ท้องสองคน ปี 36 กับ 37 พอเราเป็นคุณแม่ใหม่ๆ จะเซนซิทีฟมาก เจอเรื่องราวของลูกคนอื่น รับไม่ได้ร้องไห้เหมือนจะซึมเศร้า มันจะเป็นภาวะของคนมีลูกใหม่ๆ แล้วสมัยก่อนข่าวเยอะมากพยาบาลดูแลลูก ทิ้งลูก มัดลูก ทำลูกตก มีข่าวให้เราเห็น คือทำใจไม่ได้ปรึกษากับสามีว่าขอเฟดตัวเองอยากมาทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ เราก็ไม่ไว้ใจ”

เสียดายงานในวงการหรอตอนนั้นกำลังรุ่งเลย ?
“อาจจะเป็นเพราะเรารู้สึกว่าอายุค่อนข้างน้อยแล้วงานมันเยอะ แล้วอีกอย่างคือคุณสามีเลี้ยงเราได้”

อยู่บ้านเลี้ยงลูกเครียดมั้ย ?
“มีความสุขไม่ค่อยเครียด สิ่งที่ชอบมากที่ตัดสินใจถูก พัฒนาการของเขาครั้งแรกเราได้เห็น เราได้เจอ ก้าวแรก มองแรก คว่ำแรก หงายแรก การเปลี่ยนแปลงของเขาครั้งแรกเราได้สัมผัสประสบการณ์ที่ถ้าเราฝากคนอื่นเลี้ยงเราจะไม่ได้ พอมันผ่านตรงนั้นมันเรียกกลับมาไม่ได้”

พอเลี้ยงลูกได้พักนึงไม่กลับมาทำงานในวงการบันเทิงไปทำงานออฟฟิศเพราะอะไร ?
“ที่ยังไม่กลับมาเพราะตอนแรกกะเลี้ยงลูกแป๊ปเดียว พอลูกเข้าโรงเรียนเดี๋ยวกลับมา แต่แป๊ปนึงก็ประมาณ ม.2-ม.3 ตอนแรกนึกว่าลูกติดเรา เปล่าหรอกเราติดลูก มีช่วงนึงมีผู้ใหญ่ที่สนิทกับสามีเขารู้สึกว่าลูกโตแล้ว แล้ว เขาทราบว่าเมื่อก่อนเราทำงานอะไร ไม่ควรอยู่เฉยๆ ต้องทำงานเขาก็เป็นจุดเปลี่ยนเขาก็แนะนำติดต่อประสานทุกอย่างว่าจะต้องมาทำงานที่นี่ เป็นงานบริการ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทคิง พาวเวอร์ ดูแลแผนกต้อนรับเรื่องการบริการ”

เห็นว่าทำงานแรกๆ เครียดร้องไห้เลย ?
“ไม่เกี่ยวกับองค์กรนะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่วงการบันเทิงมา วงการบันเทิงสอนให้เรามีวินัยตรงต่อเวลา ซึ่งเราซึมซับตรงนั้นมาแต่การที่เราจะต้องอยู่ในกรอบ วิ่งไปตอกบัตรที่ทำงานมันเป็นอะไรที่เครียด มันไม่ชินเพราะทั้งชีวิตไม่เคยเจออะไรแบบนั้นแล้วเราต้องมาอยู่ในกรอบกฎ กติกาของเขา ซึ่งการปรับตัวก็ต้องเอาชนะมันให้ได้ แต่ว่าค่อนข้างกดดันมันไม่ใช่กดดันเพราะว่าแค่เหตุผลนี้ มันกดดันเพราะว่าคนด้วย”

ได้ข่าวว่าพอทำงานที่นี่ใหม่ๆ โดนดราม่าเลย ?
“เท่าที่คนอื่นเล่าให้เราฟัง ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงเข้ามา เหมือนเขาต่อต้านก่อนเลย เรามาจะต้องเรื่องเยอะ เป็นดารามาต้องเรื่องมาก ที่สำคัญเรามาในฐานะหัวหน้า มันอาจจะกระทบหลายๆฝ่ายที่เขาอาจจะมีความก้าวหน้าของเขาก็เลยโดนกลั่นแกล้งค่อนข้างเยอะอยู่”

ขนาดไหน ไม่ให้ไปกินข้าวด้วย ?
“เคยมีคำสั่ง เคยชวนน้องๆไปทานข้าว น้องเขาก็บอกว่าขอบอกตรงๆ พวกหนูถูกสั่งว่าใครไปทานข้าวกับพี่วิกกี้จะถูกหมายเตือน พี่เลยรู้ว่าเล่นกันขนาดนี้เลยหรอ แต่ก็ไม่เป็นไรต้องอยู่ให้ได้ เขาไม่อยากให้เราไม่อยู่ใช่มั้ย เราก็ต้องอยู่ คือกินคนเดียวประมาณ 4-5 เดือน ก็เจอคนที่แกร่งไง แบบฉันไม่แคร์ ก็มากินข้าวด้วย คนที่สั่งเขาโดนออกไปก่อน”

ตอนนั้นคุณลูก คุณสามีให้กำลังใจยังไง ?
“ให้กำลังใจมากค่ะ ชีวิตเราจะอยู่ตรงไหนต้องทำความเคยชิน เหมือนเราอยู่ในโซนของเราต้องเปลี่ยนชีวิตตามสถานการณ์ไป เราเคยอยู่วงการบันเทิง อยู่ดีๆก็ไปเป็นมนุษย์เงินเดือนเราก็ต้องเข้าใจเขา ซึ่งบางทีเราก็ต้องปรับตัว ที่บ้านก็จะเป็นคนให้กำลังใจ ไม่งั้นคงไม่อยู่ได้มาจนทุกวันนี้”

นอกจากเรื่องไม่ให้กินข้าวด้วย โทรศัพท์ก็ไม่ให้พกมา เขาห้ามใช้มือถือยังไง ?
“สมมุติคุณเป็นหัวหน้างานยิ่งกว่า Supervisor อีก Supervisor ก็ต้องมีการประสานกันทางโทรศัพท์ แต่คุณเป็นหัวหน้าที่พกมือถือไม่ได้แต่ลูกน้องพกได้คุณรู้สึกยังไง เสียหน้าด้วย แต่ก็ไม่ถึงเดือน จริงๆสถานการณ์มันไม่ใช่แต่เหมือนคำพูดเขา เราเป็นคนใหม่เข้าไปต้องปรับสภาพไม่รู้ว่าแบบนี้อยู่ยังไง แต่บางทีคำพูดของเขามันกดดันในความคิดเรา”

ก่อนเขาออกเขาได้บอกมั้ย ว่ามันอะไรนักหนาที่ทำให้เขาต้องทำกับเราขนาดนี้ ?
“ไม่ได้คุยกับเขาโดยตรง เท่าที่ทราบจากมือซ้ายมือขวา เขาก็มีเป้าหมายที่จะปั้นใครขึ้นมาก็คือเราเป็นตัวน่าหมั่นไส้ อยู่ดีๆก็เดินเข้ามาทำไม”

ตอนนี้ยังทำอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ?
“อยู่ค่ะ 14 ปีแล้ว”

ลูกชายหล่อมาก หวงลูกมั้ย ?
“ยอมรับว่าทั้งห่วงและหวง คนโตเป็นตำรวจชื่อเล่นนิกกี้ อายุ 26 อยู่นครราชสีมา คนเล็กน้องไมค์ ทั้งคู่เป็นตำรวจชั้นประทวนอยู่จังหวัดนครราชสีมาทั้งคู่เลย ที่เขาไปประจำที่ต่างจังหวัด เพราะตอนที่เขาเรียนเขาสอบได้โรงเรียนสามก็คือจังหวัดนครราชสีมา พอทำงานก็ต้องเป็น สภ.ในเมืองเขา”

มีลูกสนิทกันขนาดไหน ?
“ก็คุยกันได้”

จริงหรือเปล่าที่ห้ามลูกชายมีแฟน ?
“เราก็ไม่ได้ห้ามตรงๆแต่อยากให้ดูดีๆ”

มีสเปคลูกสะใภ้มั้ยอยากได้ประมาณไหน ?
“เขาต้องให้เกียรติลูกเรา ไม่สนใจว่าคุณจะทำอาชีพอะไร จะมาจากไหน แต่สำคัญเลยคือคุณต้องให้เกียรติกัน ถ้าคุณจะหึงหวงแล้วไปโพสต์ตามโซเชียลไม่ให้เกียรติกัน เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ การที่คุณไม่ให้เกียรติเขา ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติพ่อแม่เขาด้วย อนาคตคนจะมองคุณยังไง ถ้าไม่ให้เกียรติกันแล้วก็กลัวว่าเขาจะไม่มีความสุขด้วย จะเน้นตรงนี้มากกว่า“

ปัจจุบันนี้การดูแลของคุณสามีเป็นยังไงบ้าง ?
“ดีเหมือนเดิมทุกอย่าง เราคุยกันเยอะมากอยู่ด้วยกันตลอด ถือพี่เขาอายุห่างจากเรา 8 ปี เป็นผู้ใหญ่กว่าเพราะฉะนั้นประสบการณ์ชีวิตเขาเยอะกว่า มุมมองของเขา ประสบการณ์ของเขาจะสอนเราเยอะ ก็จะไว้ใจปรึกษาแค่พี่เขาคนเดียว”

แม่หวงลูกแล้วพ่อหวงลูกบ้างมั้ย ?
“เขาจะสอนเราว่าอย่าทำแบบในละครนะ แม่สามีกับลูกสะใภ้ อย่าเด็ดขาด”

อยากรู้เทคนิคทำยังไงให้สามีรักเรานานขนาดนี้ ?
“หลักๆคือความไว้วางใจ ไม่เคยไประหวาดระแวงไปค้นหา จะไปไหนไป อยู่กันมาเกือบ 30 ปีแล้ว เขาบอกจะไปไหนไว้ใจเขาอย่าระหวาดระแวง อย่าไปขุดคุ้ยอย่าไปยุ่งกับโทรศัพท์ อย่าไปทำอะไรแบบนั้น สิ่งที่สำคัญเลยเขากลับบ้านเค้ารับผิดชอบครอบครัว เขาดูแลดีพอแล้ว นอกจากนั้นเขาก็จะทำของเขาเอง

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน