วันที่ 18 ส.ค. ที่ สตูดิโอแมคโดนัลด์ ชั้น 5 บิ๊กซี ราชดำริ ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ ครูสอนการแสดงชื่อดัง ให้สัมภาษณ์หลังรายการ “คุยเช้า Show” กรณีถูกกล่าวหาว่ากรรโชกทรัพย์ ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต รวมถึงเล่าที่มาของเหตุการณ์ซึ่งนำมาจนถึงจุดแตกหัก

‘ครูเงาะ’ กล่าวว่า “จากที่มีข่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่เราเลือกที่จะเงียบเพราะสิ่งที่เขาออกมาพูดเราไม่ไปให้ราคา ครูเป็นครู ทำมาหากิน ใช้ชีวิตปกติ ต่อให้ออกมาพูดแล้วเราเป็นฝ่ายที่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าภาพมันจะดีไหมกับการที่มีเรื่องกับคนอื่น ความจริงก็คือเงียบมาเป็นปีแล้วด้วย โดยที่ไม่เปิดเผยอะไร เขาอยากที่จะพูดอะไรก็ให้พูดไป แต่มันเกินเส้นมาจนถึงจุดที่รู้สึกโกรธ แรกๆ ที่บอกว่าเราไปข่มขู่กรรโชกไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมันเหมือนกับมีคนมาบอกว่าครูเงาะเป็นผู้ชาย พอมาถึงจุดที่บอกว่าเราเลื่อนถึง 2 คนั้งที่จะไม่ไปพบตำรวจ แล้วจะมีการออกหมายจับ จึงคิดว่าถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดถ้าไม่ยังงั้นสังคมคงจะมีคำถามกับเราแน่นอน”

“สิ่งที่นำมาให้ดูคือหมายแรกระบุว่า บริษัท เข็มทิศ เอ็นแอลพี มาแจ้ง……..ซึ่งผู้ต้องหาเป็นใครก็ไม่รู้และก็ไม่มีชื่อผู้ต้องหา โดยแจ้งให้เราไปเป็นพยานซึ่งให้กับใครก็ไม่รู้ จากนั้นเราก็ได้รับจดหมายจากตำรวจสภ.บ่อทอง จ.ชลบุรี บอกว่าให้เราต้องเข้าไปพบแล้วเพราะจะออกเป็นหมายเรียกผู้ต้องหาซึ่งเป็นฉบับที่ 2 เราก็ตกใจเพราะว่าฉบับที่ 1 ยังไม่ได้เลย ซึ่งทางตำรวจยืนยันว่าออกมาแล้ว เราเลยให้เพื่อนที่เป็นทนายวิ่งไปที่สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทะเบียนบ้านของเราอยู่ในเขตนั้น หลังจากที่เช็กทางสน.ทุ่งมหาเมฆบอกว่ามีแค่หมายแรกอันเดียวอันนั้น แต่ทางตำรวจที่สภ.บ่อทองยืนยันว่ามี แล้วโทร.มาหาหลายรอบมาก จนเราต้องบอกว่าไปแน่นอน แต่ขอให้เห็นหมายก่อนได้ไหม จนเวลาผ่านไปก็มีหมายฉบับที่ 2 มาถึงเราบอกว่า คดีระหว่าง คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง บริษัทเข็มทิศฯ และคุณวินัย บุญโชติ กับพวก ซึ่งคาดว่าเราคงจะอยู่ในคำว่า “กับพวก” ซึ่งมาเป็นหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 เลย แต่ไม่มีหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 เพราะหมายที่ได้รับครั้งที่ 1 เป็นหมายเรียกพยาน”

“คำถามแรกคือ คุณวินัย บุญโชติ เป็นใคร เราก็ไปเสิร์ชหาชื่อในเฟซบุ๊กซึ่งขึ้นมาเป็นหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งแต่เราไม่รู้จัก แล้วเพิ่งจะมารู้จักตอนที่เขามาออกรายการของช่องหนึ่งว่าคุณวินัย บุญโชติ คือผู้ชายอายุ 50 กว่า นอกจากนั้นในหมายบอกว่าให้เราเข้าไปพบวันที่ 15 ส.ค. สิ่งที่น่าแปลกคือวันที่ 16 ส.ค. ออกข่าวเลยว่าเราเลื่อนการเข้าไปพบถึง 2 ครั้งแล้ว ความจริงคือวันที่ 15 ส.ค. เราไปปฏิบัติธรรมในเขตสภ.บ่อทอง ซึ่งเป็นเขตที่เราสามารถเข้าไปให้การได้เลย แต่พอดีวันนั้นทนายติดธุระสำคัญซึ่งมีหลักฐานเป็นข้อความที่คุยกันทางไลน์ จึงบอกว่าเปลี่ยนไปเป็นวันที่ 16 ส.ค.แทน แต่พอกลับไปดูที่ตารางคิวงานของตัวเองก็จะเห็นว่าวันที่ 16 ส.ค. เราติดถ่ายรายการ “ซิง ยัวร์ เฟซ ออฟ” ยาวไปจนถึง 5 ทุ่มเลยไปไม่ได้ หลังจากนั้นจึงแจ้งไปอีกทีนึงว่าจะขอเข้าไปพบวันที่ 21 ส.ค.เพราะเป็นวันเดียวที่ว่างในระยะเวลาที่ใกล้ที่สุดในตอนนั้น ซึ่งในวันนั้นมีธุระที่จะต้องไปต่างจังหวัดในเวลาบ่ายโมงด้วย แต่เราอยากเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ให้เร็วที่สุดเพราะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอาหลักฐานอะไรมาพูดว่าเราถึงขั้นเป็นผู้ต้องหา”

“เราก็ได้มีการถามทางตำรวจว่าทำไมถึงต้องไปแจ้งที่สภ.บ่อทอง ทางตำรวจบอกว่าตอนนั้นคุณฐิตินาถไปทำบุญที่วัดบริเวณนั้น แล้วเห็นว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็รู้สึกตกใจเลยต้องรีบหาสถานีตำรวจใกล้เคียงบริเวณนั้น แต่ถ้าดูจากหมายศาลแล้วซึ่งอันนี้เราไม่ค่อยแน่ใจเลยอยากฝากถามไปถึงตำรวจเพราะเห็นหมายแรกเขียนว่าแต่งตั้งทนายเข้าไป เราเลยสงสัยว่านี่ต้องเป็นการตกใจอย่างมีสติมากพอสมควรถึงมีเวลาแต่งตั้งทนายและกลับมาฟ้องในพื้นที่ที่ตัวเองตกใจ สิ่งที่น่าฝากชวนคิดทำไมต้องเป็นสภ.บ่อทอง ถ้าใครเป็นลูกศิษย์ของคุณฐิตินาถก็จะทราบว่าทำไมถึงต้องเป็นที่นั่น เพราะถ้ามีการแจ้งความสน.ใกล้ๆ แถวนี้เราเข้าไปแล้ว คนบริสุทธิ์ใจไม่ต้องรอนานแบบนี้หรอก”

ความรู้สึกก็คือว่าครูอ้อยมีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในพื้นที่ไปแจ้งความใช่ไหม?
“ไม่แน่ใจ ลองไปสืบดู ก่อนหน้านี้ที่เคยบอกว่าเพื่อนของเราที่เป็นทนายซึ่งวิ่งไปดูเรื่องหมายเรียกที่สน.ทุ่งมหาเมฆให้ เขาบอกว่าตำรวจที่นั่นก็ยังงงเลยว่าทำไมคดีนี้ต้องเร่งอะไรกันขนาดนี้”

“ประเด็นต่อมาคือทางคุณฐิตินาถบอกว่ามันมีการชี้โยงในทำนองว่ามันเป็นกระบวนการหรือเปล่า ทำไมมีพวกเหล่าดาราออกมาโพสต์พร้อมกัน เราขออนุญาตชี้แจงเป็นลำดับไทม์ไลน์ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ มันเป็นปีแล้วที่มีข้อความบางอย่างส่งมาหาตลอดเป็นปี ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันมีบางจุดที่ในคลาสช่วงหลังๆ มันต่างจากช่วงแรกๆ ที่เราได้เข้าไปเรียน และมันเป็นจุดที่เราไม่เห็นด้วย เลยมีการขอร้องทางโน้นไปว่าช่วยเอาคลิปที่มีภาพเราออกให้หน่อยเพราะมีคนจำนวนมากมาบอกกับเราว่า เดี๋ยวตัวเขาจะไปเรียนบ้าง แล้วที่ไปเพราะครูเงาะเลยนะคะ ที่ผ่านมาเราขอให้เขาเอาคลิปภาพของเราออกมาตลอด จนถึงขั้นที่มีอารมณ์สุดๆ ก็ได้โทร.ไปบอกว่า ถ้าไม่เอาภาพออก เดี๋ยวเราจะขึ้นโพสต์เองแล้วนะ ซึ่งเราไม่อยากให้มันเป็นเรื่องถึงนักข่าว แต่ถ้ามันต้องถึงมันก็คือต้องถึงนะ ซึ่งเขาก็โยนให้ไปคุยกับทนาย ทนายเขาก็บอกเราว่าให้เราบอกไปว่ามันเป็นวินาทีไหนบ้าง เราก็ให้เด็กจดและแจ้งไป พอทนายของเขาดูแล้วก็บอกว่าดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามีภาพที่เราเสียหายอะไร ซึ่งเขาก็ยืนยันที่จะใช้ต่อ เราอยากจะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องว่ามันเป็นภาพเสียหายอะไร แต่มันคือความไม่ยินยอมที่จะให้นำภาพของเราไปใช้และอยากให้เอาออกก็เท่านั้นเอง”

“ทีนี้มันมาจนถึงจุดวันนึงคือวันที่ 1 พ.ค. มีการโพสต์ถึงคุณฐิตินาถในพันทิปในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ดันมีคอมเม้นต์หนึ่งพาดพิงมาถึงเราว่า “อาตุ่ย ขายคอลลาเจนได้เป็นร้อยล้าน ครูเงาะที่กล้าทำธุรกิจ สองคนนี้ตัวหลักเลย มีผลเยอะมาก” ซึ่งเขาหมายถึงว่ามีผลเยอะมากในการเรียกคนเข้าไปในคลาสของคุณฐิตินาถ จึงเป็นที่มาให้เราโพสต์ในเพจของตัวเองว่าเราไม่ได้อยู่ในคลาสนี้แล้ว พอดีวันนั้นนั่งคุยอยู่กับน้องปอย(ตรีชฎา) น้องปอยก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นฝากบอกของปอยด้วยแล้วกันว่าตัวเขาก็ไม่ได้อยู่”

“หลังจากนั้นมันก็ยังคงมีคลิปภาพของเราและศิลปินนักแสดงคนอื่นออกมาอีก ระหว่างนั้นเพื่อนก็ได้ส่งมาบอกว่า “เห็นหรือยัง อุ๋ย บุดด้าเบลส โพสต์เรื่องนี้แล้ว” โดยที่ตัวเราก็ไม่ทราบมาก่อนเพราะเขาทำของเขาเอง ไม่มีการนัดแนะ หลังจากที่โพสต์อุ๋ยก็ไปขอให้ทางโน้นเอาคลิปออกซึ่งเขาก็เอาคลิปออกให้อุ๋ยทันที ส่วนเอ๋(มณีรัตน์ คำอ้วน)สนิทกับอุ๋ย เขาเลยคุยกันว่าพี่อุ๋ยเอาคลิปออกได้เหรอ เอ๋อยากเอาของตัวเองออกบ้างจัง ซึ่งพอเอ๋โทร.ไปทางโน้นเขาก็รับสายแต่ไม่ได้มีฟีดแบ๊ก หลังจากนั้นเอ๋ก็โทร.ไปอีกกลายเป็นว่าทางโน้นไม่รับโทรศัพท์เอ๋ โดยที่เขาไม่ทราบว่าเอ๋กับอุ๋ยนั่งอยู่ด้วยกันก็เลยใช้โทรศัพท์อุ๋ยโทร.ไป ปรากฏว่ารับสายของอุ๋ย จึงเป็นเหตุที่ทำให้เอ๋เคืองและน้อยใจ ตัวเขาจึงไปปรึกษาทนายเรื่องที่จะโพสต์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลาสนี้ ทั้งหมดนี้เรารู้เรื่องหลังจากที่พวกเขาโพสต์ นอกจากนี้อุ๋ยและเอ๋ได้บอกกับเราว่าทางโน้นโทร.กลับมาหาเขาและถามทำนองว่า มีคนมาเกลี้ยกล่อมให้ทำหรือเปล่า เราว่าเขามีปัญหากับนักเรียนคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสองคนก็บอกว่าไม่เกี่ยวเลยนี่มันเป็นเรื่องของพวกเขาเอง ส่วนที่ทางโน้นบอกว่าเอ๋เซ็นยอมแล้ว ยอมรับว่าเอ๋ได้เซ็นจริง เซ็นครั้งเดียวและเป็นครั้งหลังๆ ด้วย เพราะในช่วงแรกที่เอาเอาคลิปที่มีเราและน้องเอ๋ไปออกในรายการหนึ่ง ไม่มีการขอแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์”

“ส่วนเหตุผลที่เราไม่ไปเข้าคลาสอีกแล้ว อย่างแรกคือเรื่องของลักษณะการสอน อย่างคลาสแรกที่เราเคยมีโอกาสได้เข้าไปเรียน แล้วก็เรียนแบบจ่ายตังค์ ซึ่งได้รับประกาศนียบัตรมาและก็มีชื่อของคุณฐิตินาถอยู่ด้วยเพราะเป็นคนมอบให้ ซึ่งเราก็ได้มาทั้งหมด 3 ใบ ตอนที่ไปเรียนทีแรกมันก็ดีค่ะเพราะว่าหลักสูตรในตัวของมันเองที่มาจากเมืองนอกมันดีอยู่แล้ว ว่าด้วยเรื่องของการให้เรากลับมารู้จักกับตัวเอง รักตัวเอง และเคารพตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้เรียนที่นี่ที่เดียว ยังได้มีโอกาสไปเรียนของต่างประเทศมาด้วย ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่คุณฐิตินาถไปเรียนมาเหมือนกัน นอกจากนี้ในเมืองไทยก็ยังมีไปเรียนเพิ่มเติมอีก ซึ่งพอไปเรียนมาแล้วก็ได้นำความรู้ออกมาสอน ในช่วงต้นก็ยอมรับว่าคลาสของคุณฐิตินาถมันมีประโยชน์เพราะยังชวนนักเรียนของเราหลายคนไปเรียน แต่พอมาหลังๆ มันมีอะไรที่สวนทางกับความเชื่อของเรา หลักการสอนของเราคือ “นักเรียนต้องบิน อย่ามาติดครู” หมายถึงว่าถ้ามาเรียนกับครูแล้วคุณต้องออกไปเติบโต และไม่ต้องกลับมาหาครูอีก อย่างที่เราเคยไปเรียนของไทยแลนด์โค้ชชิ่งอะคาเดมีมายังพูดเลยว่า “เป็นโค้ชต้องชิ่ง” แปลว่า เมื่อโค้ชเขาแล้วเราต้องไม่อยู่กับเขา เพื่อให้เขาได้ไปบิน ถ้าโค้ชแล้วเขายังมาเกาะติดกับเรา แสดงว่าเรายังเป็นโค้ชที่มือไม่ถึง เราเลี้ยงไข้ ซึ่งอันนี้คือหลักการที่เราเชื่อและยืนยันที่จะทำ แต่ในคลาสของคุณฐิตินาถมีการบอกว่า นักเรียนควรที่จะต้องกลับมาเรียนสม่ำเสมอ เพราะถ้าใครที่ห่างห้องเรียนก็จะทำให้จิตตกได้ ตรงนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าต้องกลับมาตลอดเหรอ”

“นอกจากนี้ในส่วนอื่นที่เราต้องออกมา อยากฝากผ่านสื่อมวลชนตรงนี้ไปถามคุณฐิตินาถว่า ขออนุญาตให้เราเปิดเผยข้อความส่วนตัวที่คุณฐิตินาถและกลุ่ม ส่งมาหาเราได้ไหมจะได้ไม่ต้องเดาว่าทำไมเราถึงต้องออก ถ้าเขาอนุญาตแล้วคิดว่าสิ่งที่ส่งมาถูกต้อง เปิดเผยได้ เรายินดีและมั่นใจว่าคนทั้งประเทศจะเข้าใจเราว่าทำไมเราและรวมถึงอีกหลายคนถึงออก”

ย้อนถามไปถึงเรื่องที่ถูกกล่าวว่าข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ได้ทำจริงไหม?
“เขาบอกว่า 11 ล้านใช่ไหม คำถามคือทำไมต้อง 11 ล้าน ทำไมไม่เป็นตัวเลขกลมๆ อีกอย่างหนึ่งที่สงสัยก็คือคุณวินัย บุญโชติ ที่ถูกกล่าวหาด้วยเป็นอะไรกับเรา ถ้าเราไม่รู้จักเขาจะไปร่วมแก๊งค์กับเขาทำไม แล้วที่ทนายคลายทุกข์ออกมาบอกว่าอย่างนี้ร่วมกันทำ 20 คน นี่ถ้าลองเอา 20 คนไปหาร 11 ล้าน ตกคนละ 5.5 แสนนะคะ เราดูหิวเงินขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงกับต้องเอาชื่อเสียงของตัวเองมาแลดเพื่อไปข่มขู่เอาเงิน แล้วก็อยากรู้ว่าจะไปรับเงินและไปขึ้นบัญชีที่ไหน ทุกอย่างคือมันไม่เมกเซ้นส์เลยว่าทำไมเราถึงต้องไปข่มขู่ เหตุจูงใจคืออะไร ซึ่งเขาพยายามชี้โยงและพูดว่า “ลองคิดดูดีนะคะถ้าวันหนึ่งครูล้ม ใครจะขึ้นมาแทน” เราก็รู้สึกว่าตัวเราจะขึ้นไปแทนเขาได้ไหม คนเรามันแทนกันได้จริงๆ เหรอ ทุกคนมีทางของตัวเอง แล้วถ้าจะมาบอกว่าเราไปเลียนแบบการสอนของเขาและเอาไปสอนเอง อยากจะบอกว่าเราเอาวิชาที่เรียนทั้งหมด ไม่ใช่กับเขาคนเดียว แต่ทุกที่ที่เราไปเรียนมาทั่วโลกมาประยุกต์สอนนักแสดง สอนแอ๊กติ้ง สอนพิธีกร สอนคลาสพัฒนาบุคลิกภาพ สอนครีเอทีฟแดนซ์ สอนสตรีทแดนซ์ สอนการพูดการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคลาสที่เขาสอนเลย”

หลักฐานที่ทางฝ่ายเขานำมาแจ้งความ มีโอกาสเห็นหรือยัง?
“เราไม่ทราบเลยว่ามีอะไรบ้าง อย่างที่บอกว่ามีไลน์ของเราและอีเมลที่ส่งจากต่างประเทศส่งไปข่มขู่เขา อยากขอดูว่ามันเป็นไลน์ของเราจริงๆใช่ไหม อีเมลคืออะไร ส่วนตัวยืนยันว่าไม่มีการส่งข้อความอะไรแบบนั้นไปแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เราถึงอยากที่จะเข้าไปดูในวันที่ 21 ส.ค.นี้ คาดว่าหลังจากนั้นน่าจะมีการแถลงอีกที ส่วนว่าที่ผ่านมาเคยมีคำพูดที่ไปข่มขู่เขาหรือไม่ ไม่มี เต็มที่ที่เราเคยพูดคือ “ถ้าคุณไม่เอาคลิปของเราออก แล้วถ้าเกิดว่าเราเอาสิ่งที่คุณส่งกันในกรุ๊ปไลน์ให้นักข่าวดูมันจะเป็นยังไง” นี่คือเต็มที่เลยที่พูดแล้ว ไม่มีอย่างอื่นเลย แล้วก็อยากจะรู้ว่าการที่เราบอกให้เขาเอาคลิปออกมันไปโยงกับ 11 ล้านได้ยังไง”

คิดว่าจะมีการฟ้องกลับหรือไม่?
“ถ้าถึงจุดนี้คงจำเป็น อยากจะบอกอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่เรามีในไลน์ ถ้าเราอยากฟ้องเขาคงฟ้องไปนานแล้ว ล่าสุดมีผู้ประสงค์ดีส่งข้อความที่เขาหมิ่นประมาทเราในกลุ่มมาให้ดู ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปแจ้งความ แต่มาถึงจุดนี้เราคงต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเองก็คงดำเนินการไปถึงที่สุด คงจะต้องมีการแจ้งความตลับเพราะมันทำให้เสียชื่อเสียงมาก อีกหนึ่งเรื่องที่อยากพูดให้ฟังก็คือมีวันนึงเราทำไลฟ์เรื่องแพสชั่นเทสต์ ปรากฏว่ามีคนเข้ามาดูหนึ่งล้านวิวในไลฟ์แรก ตื่นเช้ามามีข้อความส่งมาจากคุณฐิตินาถบอกว่า “เงาะคะ มีคนมาด่าเงาะในเพจครูค่ะว่าเงาะหน้า…วอน นา บี ทำไลฟ์ไม่มีคนดู แล้วก็ยังไปซื้อแอดโฆษณาให้คนมาดูอีก” แล้วเขาก็ยังบอกด้วยว่า “คนนั้นแท็กชื่อเงาะด้วยนะ แต่ว่าครูลบให้แล้ว” ข้อแรกเลยถ้ามีการแท็กมาเราไปดูในฟีดได้ต่อให้ลบแล้วก็จะเห็น ซึ่งพอไปดูแล้วไม่มี เราเลยตอบกลับไปว่า “ครูขา หนูไม่ได้ซื้อแอด หนูยังงงเลยว่ามันมาขนาดนี้ได้ยังไง หรือถ้าต่อให้หนูซื้อแอดจริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของเพจนั้นๆ ไหม เงาะขอไม่ไปให้สาระกับคนแบบนี้ดีกว่า เพราะคนแบบนี้ถ้าไม่ป่วยก็คงจะขี้อิจฉามากๆ แหละ” สุดท้ายเขาก็ตอบกลับมาว่า “อ่านคำตอบของเงาะแล้วดูเหมือนว่าไม่เป็นเงาะที่ครูรู้จักเลย ทำไลฟ์เดียวก็คิดว่าคนจะอิจฉาตัวเองแล้วก็เอาเถอะ” รวมถึงช่วงหลังๆ เขาก็ให้ผู้ช่วยของเขาโทร.มาบอกว่าห้ามเอาคำของครูไปสอนแล้วนะ คำนี้เป็นคำของครู ถึงขั้นโทร.ไปขู่พี่ชายของเราด้วยนะข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ พี่ชายเราก็ถามว่าละเมิดยังไง พอเขาพูดคำนี้มา พี่ชายเราเลยถามว่านี่เป็นคนที่พูดคำนี้คนแรกเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกรมลิขสิทธิ์ฯ ด้วยกัน ไปดูเลยว่าคำไหนมันละเมิด จะได้รู้ว่าคนนี้คิดค้นคำนี้ขึ้นมา”

หลังจากที่มีข่าวมาอย่างต่อเนื่องเคยมีโอกาสได้เคลียร์กับครูอ้อยบ้างหรือยัง?
“อย่างที่บอกว่าถ้าทุกคนได้เห็นข้อความตลอดปีที่เราได้รับ จะพบว่าการขอคุยหรือขอเคลียร์อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เขาหรือเราต้องการ หลังจากนี้ก็คงจะว่ากันไปตามกฎหมาย รวมถึงส่วนตัวก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณวินัย บุญโชติ คนมันไม่รู้จักกันก็ไม่รู้ว่าจะไปคุยอะไร”

“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตัวเอง เพราะว่าคนใกล้ตัวมั่นใจในตัวของเรามาก แต่คนที่นอกเหนือจากนี้ก็อาจจะมีการตั้งคำถามว่าเราทำจริงหรือเปล่า เพราะข่าวมันออกมาจนน่าเชื่อไปแล้ว”

หลักสูตรของคลาสเรียนสอนให้คิดดี พูดดี ทำดี แล้วทำไมถึงมาตีกัน?
“นั่นน่ะสิ…เป็นคำถามที่ดีมาก สอนให้คิดดี พูดดี ทำดี ทำไมถึงมาตีกัน ที่ผ่านมาเราตีกับใครหรือเปล่า หรือเราเคยมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาลกับใครไหม ทั้งชีวิตไม่มี แล้ววันนี้ถามหน่อยเถอะว่าเราโดนมาตั้งปีนึง ทำไมถึงเพิ่งออกมาพูดเพราะว่ามันถึงเวลา”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน