คอลัมน์ ข่าวสดอาทิตย์ใส

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

สร้างกระแสฮือฮา หลังจับคู่ลงละคร “เล่ห์ลับสลับร่าง” ทางช่อง 3 แล้วต้องสลับร่างสลับเพศกัน สำหรับพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ กับนางเอกคู่จิ้น “ญาญ่า”อุรัสยา สเปอร์บันด์

วันนี้จังหวะดี ขอเจียดเวลาว่างของทั้งคู่มาพูดคุย โดยนัดแนะกันที่ร้านวิลล่า เดอ แบร์ ย่านราชพฤกษ์

ฟีดแบ็กละคร “เล่ห์ลับสลับร่าง” เป็นยังไงบ้าง?

ณเดชน์ – “คนใกล้ตัวชอบเยอะ บอกสนุก โดยเฉพาะตอนสลับร่าง”

ญาญ่า – “ดีใจที่คนชอบ เรื่องนี้เป็นการกลับมาร่วมงานกับพี่ณเดชน์ในรอบเกือบ 3 ปี จริงๆ หนูเล่นกับใครก็ได้ แต่พอเล่นละครที่มีสลับร่าง พอมาเล่นคู่กับพี่ณเดชน์ก็ดี เพราะเราคุ้นเคย รู้จักกันค่อนข้างดี”

ณเดชน์ – “การเล่นละครที่ต้องสลับร่างกันมันต้องใช้ความรู้จักค่อนข้างมาก เป็นเรื่องดีมากที่ได้เล่นกับคนที่รู้จักและสนิท จริงๆ เราไม่รู้แอ๊กติ้งกันเลยนะ แต่เราไว้วางใจกันและกัน เวลาเล่นละครฉากสลับร่างซึ่งบางทีไม่มีเขาอยู่ในเซ็ต ผมก็ยังเข้าใจตัวละครตัวนี้ได้ระดับหนึ่ง”

ตอนเราสลับร่างเป็น “เภตรา” เล่นได้อินทีเดียว?

ณเดชน์ – “เรื่องนี้มีการช่วยเหลือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ การกำกับ และตัวนักแสดงร่วม บางครั้งที่เข้า เซ็ตด้วยกัน ผมต้องอาศัยเขา บางทีพี่หนุ่ม(กฤษณ์ ศุกระมงคล) ก็ให้ลองสลับกัน แล้วเล่นให้กันดู แต่ผมกังวลในตอนแรกว่าเล่นออกมาแล้วจะเหมือนกะเทยยักษ์หรือเปล่า มันจะมีเส้นบางๆ เล่นมากไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าเบาไปก็ไม่ชัดเจนอีก”

แล้วตอนญาญ่าสลับร่างเป็น “ผู้หมวดรามิล” ต้องทำการบ้านเยอะขนาดไหน?

ญาญ่า – “พูดตรงๆ ไม่ได้ทำการบ้านอะไรเลยค่ะ ถ้าทำการบ้านทุกอย่างจะฟิกซ์ไปหมด แล้วจะดูเหมือนว่าหนูเล่นเป็นทอมหรือเปล่า ละครเรื่องนี้สิ่งเดียวที่หนูทำการบ้านคืออ่านบท แค่พูดไดอะล็อกได้ แต่อย่างอื่นไปยืนหน้าเซ็ตแล้วกระโดดเข้าไปทำเลย พยายามจะไม่คิดก่อนว่าจะทำอะไร เพราะถ้าคิดจะไม่ลื่นไหล แล้วพี่หนุ่มไม่อยากให้เล่นแพตเทิร์นเดิมๆ เขาอยากลองอะไรใหม่ๆ กลายเป็นว่าอย่าคิด ให้รู้สึกแล้วทำเลย ความโชคดีอย่างหนึ่งของละครเรื่องนี้คือมีตัวละครหลากหลายเพศ ไม่ว่าจะตุ๊ด ทอม กะเทย ฉะนั้นมันจะเห็นชัดระหว่างเพศต่างๆ คนดูก็จะไม่งงว่าตกลงหนูเป็นอะไร”

ตอนที่เห็นต่างฝ่ายต้องเล่นเป็นตัวเรา รู้สึกยังไงบ้าง?

ญาญ่า – “สำหรับหนูคิดว่าที่พี่ณเดชน์เล่นแบบนั้นคือใส่ทั้งหัวใจและวิญญาณเข้าไปในตัวละครเภตรา ทำให้หนูเล่นเป็นรามิลได้ด้วย คือถ้าเขาเล่น แต่หนูไม่รู้สึกว่าเขาเป็นเภตรา หนูก็จะเล่นไม่ได้เหมือนกัน”

ณเดชน์ – “ผมเห็นด้วย เพราะตอนผมมองตัวละครคือผมเห็นรามิลอยู่ เขาเป็นรามิล โดยที่ผมลืมไปว่าหน้าเขาคือหน้าฉัน”

ติดจริตตัวละครตอนที่ต้องสลับร่างกันบ้างไหม?

ณเดชน์ – “มีบ้างเรื่องมือไม้ น้ำเสียง วิธีการอุทาน หรือท่านั่งท่าเดิน จนต้องมีคนเตือน เพราะบางทีมันเป็นโดยอัตโนมัติ”

ญาญ่า – “มีบ้าง แต่ไม่เยอะ บางทีอาจจะมีความคิดที่มัน แว้บเข้ามาในเวลาอยู่กับผู้ชายเยอะๆ อยู่ดีๆ จะคิดเป็นรามิล (หัวเราะ) คนที่ดูละครเรื่องนี้จะรู้สึกว่ามันเป็นคอมเมดี้ แต่ฐานะที่หนูเป็นนักแสดงกลับรู้สึกว่าละครเรื่องนี้มันดราม่ามากๆ อารมณ์เดียวกับตอนเล่นละครคลื่นชีวิตเลยค่ะ รวมถึงวิธีการเล่นก็ใหม่มากๆ”

นอกจากละครเรื่องนี้ที่เล่นด้วยกันแล้ว ยังมี “ลิขิตรัก” (The Crown Princess) ด้วย?

ญาญ่า – “ตอนนี้ถ่ายทำเสร็จแล้ว ถือเป็นอีกเรื่องที่ท้าทายเพราะ ค่อนข้างไกลตัว ความรับผิดชอบของตัวละคร “เจ้าหญิงอลิซ มาเดอลีน เทเรซา ฟิลลิปเป” สูงมาก ในเรื่องไม่ได้เป็นเจ้าหญิงจ๋า แต่เป็นเจ้าหญิงที่มีอำนาจ แล้วเป็นละครปัจจุบันที่พูดถึงความรัก เรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเราทั้งคู่ คาแร็กเตอร์มันต้องนิ่ง แต่อารมณ์มันต้องชัด”

ณเดชน์ – “เรื่องนี้ผมรับบท “นาวาตรีดวิน สมุทรยากร” ทหารเรือที่อยู่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ วันนึงเจอคนลอยน้ำมาซึ่งเป็นเขา ก็ช่วยไว้ ปรากฏพอเพื่อนๆ มาเห็นบอกคนนี้เป็นเจ้าหญิง หลังจากนั้นเลยมีหน้าที่คุ้มครองเขา และมีเหตุจำเป็นให้แต่งงานกันเพื่อหลอกไม่ให้คนร้ายมาเจอ ช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็เกิดสงสารและกลายเป็นความรัก แต่เป็นความรักที่เอื้อมไม่ถึง”

และมีงานหนัง “นาคี 2” ที่ได้เล่นด้วยกันอีก?

ณเดชน์ – “เป็นการต่อ ยอดจากละคร ซึ่งผู้ใหญ่มองว่าอยากทำเวอร์ชั่นภาพยนตร์ พี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์) ได้เล่าโครงเรื่องให้ฟัง ตื่นเต้นที่จะได้ทำงานนี้”

ก่อนหน้านี้มีชื่อนักแสดงหลายคน สุดท้ายพอเคาะเป็นเราสองคน ตกใจไหม?

ญาญ่า – “เชื่อว่าพี่อ๊อฟกับพี่แดง(ธัญญา) มีเหตุผลในการเลือกเราสองคนค่ะ ยิ่งพอฟังโครงเรื่องก็เห็นว่าตัวเองเล่นเป็นตัวละครนั้นได้ สิ่งที่ได้ยินเป็นกระแสคือลูกครึ่งทั้งคู่จะเล่นได้ยังไง หนังเรื่องนี้เป็นปัจจุบันและยังมีอีกหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือเมกอัพ มันก็ทำให้ดูเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้”

ณเดชน์ – “ผมแอบรู้สึกนะว่าทำไมคนถึงไม่ยินดีกับงานดีๆ ของเรา แทนที่จะไปตั้งแง่กันก่อน แต่พี่อ๊อฟได้พูดกับผมว่านาคีแรกเป็นอดีต ปัจจุบันคือเรากำลังบวงสรวงนาคี 2 อยู่ พรุ่งนี้กระแสเรตติ้งจะเป็นยังไงไม่รู้และไม่ต้องสนใจ วันนี้บวงสรวงศรัทธาให้เต็มที่ พอถึงวันที่ถ่ายทำจริงๆ ก็สนุกไปกับมัน รักตัวละคร ทำด้วยกันสบายๆ อย่าไปซีเรียส”

ช่วงนี้เลยกลายเป็นว่าจะได้เห็นณเดชน์กับญาญ่ามีงานที่ทำร่วมกันเยอะ?

ญาญ่า – “ใช่ค่ะ พอจะมาก็มาเยอะเลย แต่ทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกันไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย เพราะแต่ละงานมีความแตกต่างที่ชัดเจน”

ณเดชน์ – “ผมก็จะได้เห็นญาญ่าในอีกดีไซน์หนึ่งที่เขาสร้างตัวละครนั้นขึ้นมา ทุกครั้งที่ได้เล่นละครด้วยกันจะรู้สึกใหม่ทุกครั้ง”

ทั้งคู่เป็นคู่จิ้นกันมาเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว ถ้าเทียบกับความรักของคนก็เรียกว่าเข้าสู่ปีอาถรรพ์นะ?

ณเดชน์ – “เวลามีกระแสอะไรแบบนี้ผมมองว่าเหมือนเป็นเครื่องเตือนสติ เวลาเจออุปสรรคปัญหามองให้เป็นบททดสอบ อาจเป็นเหมือนหนามที่อยู่บนทางเดินที่เราต้องเหยียบย่ำไปเพื่อให้เราแข็งแกร่งขึ้น ถ้ามีคนไม่ยินดีด้วยกับสิ่งที่เราทำหรือไม่ชอบ เราต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะคนเราไม่ได้มีคนรักเสมอไป เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน มนุษย์ทุกคนมีจุดอ่อน แต่จุดอ่อนก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ทำงานกันมาขนาดนี้ค่อนข้างมีประสบการณ์ ประสบการณ์ทำให้เราแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

ญาญ่า – “เรื่องอะไรเหล่านี้ไม่ได้มีผล กระทบกับความรู้สึกหนูเลย เพราะเชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่มีความรับผิดชอบกับทุกงานที่ได้ทำ ทุกอย่างทำด้วยใจหนึ่งร้อย ความพยายามหนึ่งร้อย ความสามารถไม่รู้แต่หนูได้ใส่ใจมันเข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเจ็ดปีแปดปีเก้าปีหรืออะไรก็ตาม มันก็เหมือนเดิม สำหรับหนูเชื่อเสมอว่าเราต้องเข้าใจความเป็นมนุษย์ให้มากๆ ง่ายๆ เลย อย่างตัวเองเวลาดูหนังฮอลลีวู้ดยังรู้สึกชอบคนนี้แต่ไม่ชอบคนนั้นทั้งที่ไม่รู้จักเขา ฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์ชอบและไม่ชอบ ก็เลยจะเอาเรื่องของความพยายามจะเข้าใจความเป็นมนุษย์มามองเพื่อให้ผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้ค่ะ”

เบื่อกันไหม ที่มักโดนถามว่าตกลงเป็นแฟนกันหรือยังตลอดเลย?

ณเดชน์ – “เบื๊อเบื่อ อู๊ยยย…รำคาญ(หัวเราะ) พูดเล่นครับ ผมกับญาญ่าทำงานด้วยกันทุกวัน แต่ความรู้สึกเวลาทำงานกับความรู้สึกเวลาได้ทำกิจกรรมหรือไปเที่ยวด้วยกันมันคนละแบบ เวลาทำงานด้วยกันจะไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ถ้าทำงานอยู่ทั้งคู่จะเป็นเหมือนกันคือไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกัน ผมจะอยู่ส่วนผม เขาจะอยู่ส่วนของเขา จะไม่เอาชีวิตส่วนตัวมาผสมกับตัวละครหรือการทำงาน ฉะนั้นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราทำงานกันง่ายขึ้นและมีสมาธิในการทำงานด้วย”

ญาญ่า – “นั่นคือสิ่งหนึ่งที่หนูชอบมากสำหรับการที่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวและได้ทำงานกับพี่ณเดชน์ มันมีความชัดเจนของการทำงาน และการใช้ชีวิตปกติค่ะ”

ทั้งคู่พอใจในความสัมพันธ์รูปแบบนี้ แต่คนภายนอกคาดหวังความชัดเจนเป็นคำพูด กดดันไหม?

ณเดชน์ – “ผมไม่ได้รู้สึกกดดันเพราะมันมีหลายองค์ประกอบ เป็นเรื่องที่พูดยาก รายละเอียดมันซับซ้อน ถ้าจะถามถึงคำจำกัดความของความสัมพันธ์อันนี้เป็นเรื่องที่เลยไปแล้ว จะเป็นแฟนหรือเป็นอะไรก็ตามไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว เพราะสิ่งที่เรามีให้กันมันชัดเจน แต่ถามว่าการเปิดเผยในเรื่องของการอยู่ด้วยกันเป็นยังไง ในความรู้สึกผมมันไม่ใช่เรื่องที่อยากจะมาบอกหรือนำเสนอ เวลาอยู่หลังม่านบางทีก็เป็นอะไรที่สะดวกใจสำหรับเราสองคนมากกว่า อย่างการพรีเซ็นต์ว่าทำโน่นทำนี่ด้วยกันแล้วต้องถ่ายรูปลงมันไม่ใช่ตัวผม ชีวิตผมอยู่ในที่สว่าง มาเยอะ อยากขอเป็นตัวเองในที่ที่คนอื่นไม่เห็นบ้าง”

ญาญ่า – “พี่ณเดชน์พูดครบเลย ธรรมชาติของเราสองคนคล้ายกันในเรื่องนี้มากค่ะ”

ประทับใจอะไรในกันและกันที่รู้สึกว่าแตกต่างจากคนอื่นที่เข้ามาในชีวิต?

ญาญ่า – “มันยากจะอธิบายเป็นคำพูด แต่มันเป็นฟีลลิ่งอันหนึ่ง ไม่สามารถบอกว่าพี่ณเดชน์แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นยังไง เพราะจริงๆ หนูก็ไม่ได้เจอคนเยอะ แต่ที่ชัดคือฟีลลิ่งที่รู้สึกว่าเขาแตกต่างแค่นั้นเองค่ะ”

ณเดชน์ – “(หันไปมองหน้าญาญ่า) เขาเป็นคนที่ชิลมาก เข้าใจอะไรได้ง่าย ผมว่ามันสบายใจดีและตรงนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากจากคนอื่น”

นิยามความรักของแต่ละคน?

ณเดชน์ – “ความรักทำให้มีชีวิต คนเราเวลารักตัวเองชีวิตก็จะมีคุณค่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเราจะเห็นคุณค่าของอะไรบ้าง”

ญาญ่า – “ความรักสำหรับหนูเป็นสิ่งที่สวยงาม อันนี้คือคำอธิบายคำเดียวที่สามารถให้กับคำคำนี้ เมื่อไหร่ที่มันไม่สวยงามมันก็จะไม่ใช่ความรัก คำว่าความรักของหนูมันกว้างมาก ไม่ใช่แค่ผู้หญิงกับผู้ชาย แต่มันคือกับทุกสิ่งในโลกนี้ แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามค่ะ”

ลองมองหน้าคนข้างๆ ซิว่าสวยงามไหม?

ญาญ่า – “(หัวเราะปนเขิน)ทุกอย่างเลยค่ะ ทุกอย่างที่สวยงามคือความรักหมด พอได้มานั่งคุยกันวันนี้แล้ว หนูรู้สึกโตขึ้นเยอะเลยค่ะ เวลาฟังตัวเองหรือฟังพี่ณเดชน์พูด(ยิ้มหวาน)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน