ละคร บ่วงบรรจถรณ์ 2560 ผลิตโดยบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เริ่มออกอากาศทางไทยทีวีสี ช่อง 3 (ช่อง 33 HD) วันที่ 30 ตุลาคม 2560

แนะนำตัวละคร

มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท หลาวเปิง

ดาวิกา โฮร์เน่ รับบท แพรนวล

ปรมะ อิ่มอโนทัย รับบท เขตต์

ซาร่า เล็กจ์ รับบท เรืองระยับ

ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รับบท ซานแปง

broadcastthai.com

————————–

‘แพรนวล’ ได้รับมรดกเป็นบ้านที่เชียงรายตามพินัยกรรมที่พ่อทำขึ้นก่อนตาย แม้เธอจะไม่ค่อยสนิทกับพ่อนัก เพราะพ่อแยกทางกับแม่ตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอโตมากับแม่และแทบไม่ได้ข่าวทางพ่อเลยแม้แต่อาการป่วย เพราะตอนนั้นเธอกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา

ระหว่างที่อยู่อเมริกา แพรนวลได้พบรักกับ ‘เขตต์’ เธอตอบตกลงเมื่อเขาขอแต่งงาน แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยเขาก็เริ่มนอกใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างว่าผู้หญิงอื่นเหล่านั้นเป็นแค่เครื่องสนองอารมณ์ ยังไงเขาก็รักเธอคนเดียว

แพรนวลใช้ชีวิตอยู่บนความอดทน แต่เมื่อความอดทนหมดลงเธอจึงตัดสินใจเดินทางไปยังบ้านเชียงราย โดยขอให้แม่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้เขตต์รู้ เธอจะไม่กลับมาจนกว่าเขาจะเลิกนิสัยเจ้าชู้นอกใจให้ได้เสียก่อน

ที่บ้านเชียงราย แพรนวลได้พบกับ นางคำแดง คนเก่าแก่ของพ่อ และแหลมทอง หลานชายวัยสิบสองปี คำเอ้ย แม่ของคำแดงเป็นชาวไทยใหญ่ที่เคยช่วยพ่อของแพรนวลค้าขายกับเวียงขินสมัยสงครามโลกเมื่อราว 50 กว่าปีก่อน ตอนนี้คำแดงพานางไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลเพราะอาการหลงๆ ลืมๆ

แพรนวลได้กุญแจทุกดอกของเรือนใหญ่หลังนี้ รวมทั้งกุญแจห้องเก็บของที่ถูกปิดตายไว้หลายปี เธอพบเตียงพร้อมเสาเตียงทั้งสี่มุม ด้วยความสวยของลายแกะสลักฝีมือปราณีต ทำให้แพรนวลย้ายเตียงเก่านี้ขึ้นไปแทนเตียงเดิมในห้องนอน ด้วยอายุร่วมร้อยปีของเตียงทำให้คำแดงขอให้แพรนวลไหว้ขอเจ้าของเก่า

เมื่อล้มตัวลงนอนเป็นครั้งแรกแพรนวลก็ฝันว่าเธออยู่ในเมืองเวียงขิน เป็นฝันที่เสมือนจริงมากจนน่าประหลาดใจ แต่ก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อนเมื่อคำแดงมาปลุก คำแดงว่าคนเดียวที่รู้ประวัติของเตียงคือแม่คำเอ้ยของนาง ผู้เลอะเลือนความทรงจำไปหมดสิ้นแล้ว

ในความฝันแรกของแพรนวลบนเตียงโบราณ เธอปรากฏตัวขึ้นที่หอคำเมืองเวียงขิน พบเห็นหญิงสาวสูงศักดิ์หน้าตาสะสวยกำลังร่ำไห้ ก่อนจะมีชายหนุ่มเข้ามาปลอบประโลม ชายหนุ่มมองเห็นแพรนวล และเข้ามาซักถามด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นใคร

“ฉัน..‘”

“แม่หญิงพูดภาษาไทย..แม่หญิงเป็นคนไทย?”

แพรนวลอึกอัก “เอ้อ..คือฉัน”

“แม่หญิงมาทำอะไรที่เมืองนี้ เข้ามาในหอคำได้อย่างไร”

“ที่นี่อยู่ในรัฐพิงคภูมิของปะเด็งเหรอคะ..ฉันไม่รู้ว่ามาได้ยังไง ฉันไม่ได้ฝันใช่มั้ย” แพรนวลตื่นตระหนกและสับสนจนเสียงเครือ

หลาวเปิงสำรวจการแต่งกาย ภาษาพูด และท่าทางแพรนวล

“หรือแม่หญิงเป็นครูไทยเหมือนพ่อบุญสิงห์”

“ฉันมาคนเดียว”

“อย่าปดผม เหตุการณ์บ้านเมืองแบบนี้ แม่หญิงจะมาจากเมืองไทยคนเดียวได้อย่างไร”

แพรนวลกำลังงุนงง ยังไม่ทันตอบคำถาม ก็มีเสียงตะโกนของทหารเรียกแว่วมาจากด้านนอก

“จายหลาวเปิง..จายหลาวเปิง”

“แม่หญิงรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่าไปไหน”

หลาวเปิงจับบ่าแพรนวลรั้งตัวให้นั่งหลบอยู่ใต้ต้นลั่นทม ก่อนจะก้าวเดินออกไป เขาหันกลับมาถามเธออีกครั้ง

“แม่หญิงชื่ออะไร?”

“แพรนวลค่ะ”

“เรียกผมว่าหลาวเปิง”

“หลาวเปิง?”

หลาวเปิงมองแพรนวลก่อนเดินลับจากไป แพรนวลนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นอย่างสับสน และรู้สึกแปลกประหลาดที่สุด

เช้าวันใหม่ แหลมทองเอื้อมมือสะกิดแขนปลุกแพรนวลที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง แต่ต้องชักมือกลับ เมื่อสะดุ้งกับความเย็นของผิวเนื้อแพรนวล แหลมทองเป็นห่วง รีบเขย่าแขนเรียกแพรนวลเสียงดัง แพรนวลค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตาลุกขึ้นนั่ง มองเห็นนาฬิกาแขวนเก่าแก่ปลายเตียงบอกเวลา 8 โมงเช้า

แพรนวลเหม่อๆ กินอาหารเช้าไม่ค่อยลง ก่อนจะหันไปเห็นสายตาของป้าคำแดงที่มองเธออย่างเห็นใจ แพรนวลรีบแก้ตัว

“อาหารอร่อยค่ะ แต่แพรไม่ค่อยหิว”

“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ป้าไม่ได้แอบฟังคุณแพรคุยกับคุณแม่”

“เรื่องของแพรไม่ใช่ความลับอะไรหรอกค่ะ”

แพรนวลนึกถึงความฝัน จึงถามป้าคำแดง

“ป้าคำแดงเคยไปเมืองเวียงขินมั้ยคะ?”

“แม่คำเอ้ยเคยพาไปตอน 5 ขวบค่ะ”

“แม่คำเอ้ย?”

“แม่อุ้ยคำเอ้ยเป็นชาวไทใหญ่ เคยทำงานในบ้านพ่อเลี้ยงต่วนตั้งแต่สมัยที่พ่อเลี้ยงทำการค้ากับเวียงขินช่วงสงครามโลกครั้งสองครับ”

“แหลมรู้เยอะจัง”

“ไอ้แหลมมันสอดรู้สอดเห็นค่ะ”

“โลกรู้แหลมรู้ คุณแพรอยากรู้อะไรในเชียงรายถามผมได้ครับ”

แพรนวลยิ้มเอ็นดูในความช่างพูดของแหลมทอง

“ฉันวัดขนาดเตียงไว้ ว่าจะไปสั่งที่นอนกับม่านมุ้งที่ร้านตรงตลาดในเมือง แหลมรู้มั้ยว่าจะหาได้จากร้านไหน”

“แหลมรู้ยิ่งกว่ากูเกิ้ลอีกครับ”

แหลมทองยืดอกรับ พร้อมมาก จนป้าคำแดงอดหมั่นไส้ไม่ได้

เตียงโบราณนำแพรนวลกลับไปยังเวียงขินอีกครั้งและได้พบกับหลาวเปิง

“แม่หญิงหายไปไหนมา เมื่อวานผมตามหาจนทั่วหอคำ..หรือแม่หญิงเป็นสายลับ?”

“ฉันไม่เข้าใจที่คุณหลาวเปิงพูด”

“คนเวียงขินเรียกผมว่าจายหลาวเปิง จาย เป็นภาษาไทเขินแปลว่า นาย ผมอยากให้แม่หญิงเรียกเหมือนกัน”

หลาวเปิงพินิจพิจารณาแพรนวลด้วยสายตาอันเปี่ยมด้วยปริศนา

“คุณบอกฉันว่าที่นี่คือหอคำเมืองเวียงขิน”

“แม่หญิงมาจากไหน?”

“เชียงราย”

“จากเชียงรายมาถึงเวียงขินต้องเดินทางเป็นวัน คนไทยที่นี่ส่วนใหญ่เป็นทหารไทยที่เข้ายึดบ้านเมืองเรา ไม่เคยมีผู้หญิงไทยเดินทางมาเวียงขินคนเดียว”

จู่ๆ อาการปวดหัวจี๊ดก็กลับมาอีก แพรนวลทำท่าจะล้ม หลาวเปิงรีบประคองรับเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยความตกใจ

“แม่หญิงเป็นอะไร?”

หลาวเปิงพาแพรนวลมานั่งพักตรงที่นั่งในสวน หญิงสาวสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อครู่

“ฉันไม่ค่อยสบายตั้งแต่ตอนเข้านอนที่บ้านฉันที่เชียงราย จนมาตื่นที่เวียงขิน”

“คือเหตุผลที่แม่หญิงไม่ใส่รองเท้าอย่างนั้นรึ”

แพรนวลก้มมองเท้าเปล่าเปลือยของตัวเอง แล้วค้อนขวับ

“มีใครใส่รองเท้าขึ้นนอนบนเตียงบ้างล่ะ”

“แม่หญิงปดผม เพื่อจะไม่บอกว่าเข้ามาในหอคำได้ยังไง”

“ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว แต่คุณไม่เชื่อ”

“เหตุการณ์วุ่นวายในเวียงขินตอนนี้ ทำให้ผมไม่กล้าไว้ใจใครทั้งนั้น” หลาวเปิงมองแพรนวลอย่างค้นหา

“คุณบอกว่าทหารไทยเข้ามายึดบ้านเมืองคุณ?”

“ทหารไทยกองทัพมณฑลพายัพเข้ามายึดเวียงขินเมื่อกลางปีที่แล้ว พอปลายปีก็ตั้งฝ่ายควบคุมการปกครองพิงคภูมิทั้งหมด พ่อบุญสิงห์เป็นศึกษาธิการจังหวัดที่นี่ เป็นครูสอนภาษาไทยให้ผม”

“คุณไม่ชอบคนไทยเหรอคะ?”

“เราเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน แต่ผมก็อยากให้เวียงขินเป็นอิสระ ไม่ต้องอยู่ใต้กฎบังคับของใคร”

“บอกฉันได้มั้ยคะ ปีนี้ของไทยเป็นพุทธศักราชอะไร”

หลาวเปิงนิ่งครุ่นคิด ก่อนจะสบตาแพรนวล “พุทธศักราชสองพันสี่ร้อยแปดสิบเจ็ด”

แพรนวลอึ้ง ตกใจ ไม่คาดคิดว่าเธอนอนหลับเพื่อย้อนกลับสู่อดีตได้จริง

ป้าคำแดงเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง เห็นแพรนวลนอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปจะปลุกให้ตื่น แต่แหลมทองปราดเข้ามาคว้าแขนป้าคำแดงไว้ แล้วรีบดึงแขนป้าคำแดงออกไปนอกห้อง

“คุณแพรสั่งว่าห้ามรบกวน”

“ถ้าคุณแพรไม่สบายมาก ข้าจะได้พาไปหาหมอหรือหายามาให้กิน”

“ป้าเคยสอนว่า..บ่าวต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย แล้วป้าจะขัดคำสั่งคุณแพรเหรอ?”

“เอ็งเป็นหลานหรือพ่อข้ากันแน่วะไอ้แหลม”

แหลมทองแกล้งขยับปากจะพูดคำว่าพ่อ แต่ก็เปลี่ยนมาพูดอีกแบบ หน้าทะเล้น

“เป็นหลาน อิอิ”

“อิอิเดี๋ยวก็โดนเพียะๆ หรอก”

ยังไม่ทันที่ป้าคำแดงจะเงื้อมือ แหลมทองก็โกยแนบ ราวกับรู้ทัน ป้าคำแดงชำเลืองมองแพรนวล อดห่วงไม่ได้

หลาวเปิงมองใบหน้าตกใจ ซีดเผือดของแพรนวล ด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ

“ฉันย้อนอดีตมาอยู่ที่เวียงขินจริงเหรอคะ?”

“เวลานี้คือปัจจุบัน แม่หญิงพูดจาพิกล”

“ฉันนอนหลับในบ้านที่เชียงราย แต่มาตื่นที่เวียงขินในอดีตต่างหาก”

“แม่หญิงเป็นครูไทยที่เดินทางมาพบพ่อบุญสิงห์ แต่จะให้ผมเชื่อว่า แม่หญิงมาจากภพอื่นอย่างนั้นเหรอ”

หลาวเปิงหัวเราะเบาๆ จนแพรนวลคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะบอกเรื่องเหลือเชื่อนี้กับใคร จึงคิดหาวิธีออกไปจากหอคำ เพื่อหาทางกลับบ้าน

“พาฉันออกไปบ้านพ่อบุญสิงห์หน่อยได้มั้ย”

“เวลานี้ไม่ปลอดภัย คนของอูซออาจซุ่มทำร้ายเราระหว่างทาง”

“คนของอูซอ คนที่เกือบทำร้ายฉันเมื่อกี้น่ะเหรอ”

หลาวเปิงพยักหน้า “คืนนี้แม่หญิงควรพักที่หอคำ พรุ่งนี้เช้าผมจะพาไปส่งที่บ้านพ่อบุญสิงห์เอง”

แพรนวลครุ่นคิด ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว

หลาวเปิงจับข้อมือแพรนวลก้าวเดินไปสู่ตัวตึก ผ่านทหารที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ตามจุดต่างๆ แพรนวลใจเต้นระทึก ทุกอย่างรอบตัวแปลกตาไปหมด โดยเฉพาะอุ้งมือใหญ่แข็งแกร่งอบอุ่นที่กุมข้อมือบอบบางของเธออย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน

“ผมจะพาแม่หญิงไปพบน้องตองริ้วก่อน เธอจะได้ไม่ตกใจที่มีแขกมาพักในยามวิกาล”

“ผู้หญิงที่ร้องไห้อยู่กับคุณเมื่อวานเหรอคะ”

“ตองริ้วเป็นเจ้านาง..เพราะพ่อของเธอเป็นเจ้าฟ้าแห่งเมืองอโนทยาน”

“ฉันต้องพูดราชาศัพท์กับคุณรึเปล่า?”

“ผมไม่ได้เป็นเจ้า พ่อของผมตายตั้งแต่ผมยังเล็ก แม่จึงไปเป็นนางฟ้าของเจ้าอโนทยาน”

“นางฟ้า?”

“นางฟ้า หมายถึงเมีย”

แพรนวลเริ่มเข้าใจ “คุณกับเจ้านางตองริ้วเป็นพี่น้องคนละพ่อกัน”

“ตองริ้วกำลังเสียใจเพราะถูกเจ้าอโนทยานบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีพ่อมา หาผมที่เวียงขิน”

“คุณไม่ใช่เจ้า แต่ทำไมเข้าออกวังนี้เหมือนบ้านตัวเอง”

“แม่ยกผมให้เป็นลูกบุญธรรมของเจ้าเมืองบุญ ก่อนจะไปเป็นนางฟ้าของเจ้า อโนทยาน เจ้าเมืองบุญเป็นราชบุตรและเป็นรัชทายาทของเจ้าฟ้าเฒ่า หรือเจ้ารัตนชาติ”

หลาวเปิงพาแพรนวลเดินเข้าไปในตึก เป็นตึกสีขาวสามชั้น ระเบียงทางเดินทอดยาวต่อจากบันไดใหญ่ กลางหอติดประทีปโคมไฟเล็กๆ เป็นระยะห่างเท่ากับช่วงหน้าต่างรูปโดมยอดแหลม แพรนวลสังเกตร่างสูงก้าวไปอย่างมั่นใจของหลาวเปิง ห้อยนาฬิกาพกสายสร้อยเงินที่คอ สวยงามแบบโบราณ เธอครุ่นคิดถามตัวเองว่าอะไรเป็นสื่อให้เธอย้อนเวลามาเวียงขินในอดีตได้

หลาวเปิงสะกิดเรียกแพรนวลที่กำลังเหม่ออยู่ในภวังค์ แพรนวลหันหน้ามาหาหลาวเปิง สายตาประสานสายตา เธอจ้องมองหลาวเปิงอย่างไม่คาดคิดว่าเสียงที่เธอเคยได้ยินใต้ต้นลั่นทมจะเป็นเสียงของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้

“ทางเดินตรงนี้ชัน แม่หญิงระวังจะลื่นล้มนะ”

หลาวเปิงจับมือแพรนวลให้เดินตามเขาไปอย่างระมัดระวัง แพรนวลอึ้งในความเป็นสุภาพบุรุษของหลาวเปิง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเรื่องอัศจรรย์กับเธอได้ขนาดนี้ ทั้งการย้อนเวลากลับมาในอดีต และการได้เจอชายเจ้าของเสียงที่เคยเรียกชื่อเธอหลายครั้ง

หลาวเปิงนำพาแพรนวลไปพบกับเจ้านางตองริ้ว น้องสาวของเขา ซึ่งเป็นธิดาแห่งเจ้าฟ้าเมืองอโนทยาน หญิงคนเดียวกับที่แพรนวลเคยเห็นเมื่อการมาเยือนครั้งแรก ตองริ้วกำลังทุกข์ใจที่ถูกบังคับให้แต่งงาน หลาวเปิงไม่อาจนับศักดิ์เป็นพี่ชายของตองริ้ว เพราะแม่ของเขาเป็นเพียงหนึ่งในสนมของเจ้าฟ้าอโนทยาน แม่ยกเขาให้เป็นลูกบุญธรรมของ เจ้าเมืองบุญ ซึ่งเป็นรัชทายาทที่จะได้เป็นกษัตริย์เวียงขิน ต่อจากเจ้าฟ้าเฒ่า เจ้ารัตนชาติ เขาบอกกับตองริ้วว่าแพรนวลเป็นญาติของ ครูบุญสิงห์ คนไทยที่มาเป็นศึกษาธิการสอนภาษาไทยให้ชาวเวียงขิน และเป็นคนที่ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือมาก

ตองริ้วไม่อยากแต่งงานจึงหนีมาหาหลาวเปิง หลาวเปิงจึงฝากแพรนวลให้พักอยู่ด้วยในห้องนอนของเขา ซึ่งแพรนวลต้องตื่นตะลึงเมื่อพบเตียงสี่เสา เตียงเดียวกับในห้องนอนของเธอ แพรนวลใช้มือลูบไล้สัมผัสลายแกะสลักอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“เตียงของคุณเหมือนเตียงของฉันที่เชียงราย..แต่ใหม่กว่า”

“เตียงนี้มีเพียงหลังเดียว ไม่มีทางเหมือนกัน”

“ฉันนอนหลับบนเตียงนี้ที่เชียงราย แล้วมาตื่นที่เวียงขินจริงๆ นะคะ”

“ดึกมากแล้ว..แม่หญิงพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะมาปลุกไปทานอาหารเช้า และพาไปพบพ่อบุญสิงห์”

หลาวเปิงเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูให้แพรนวล แพรนวลอยู่ในห้องนอนของหลาวเปิงตามลำพัง ยังคงงุนงงกับความอัศจรรย์ที่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

แพรนวลกวาดสายตามองไปรอบห้อง พยายามข่มความหวาดกลัวเพื่อพิสูจน์ความจริง ว่าอะไรทำให้เธอย้อนอดีตกาลมาอยู่ที่นี่ได้ เธอเดินเข้าไปใกล้เตียงนอน ทุกสิ่งที่ประดับตกแต่งเตียงล้วนเป็นสีขาวครีม ม่านมุ้งที่ขึงกางอยู่กับเสาทั้งสี่ด้านอ่อนลู่พลิ้วไหวเมื่อกระแสลมพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา

แพรนวลเอื้อมมืออีกข้างไปลูบไล้ที่หัวเตียงเรื่อยลงมาสัมผัสความนุ่มของหมอนและฟูกนอน

“ฉันมาที่นี่เพราะเตียงนี้งั้นเหรอ?”

แพรนวลหันไปมองกระจกโต๊ะแป้งข้างเตียง เห็นตัวเองอยู่ในชุดพื้นเมืองเก่าที่ใส่มาจากเชียงราย แต่ไม่มีดอกลั่นทมประดับมวยผมด้านซ้าย ใบหน้าแพรนวลเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้

“ของจากปัจจุบัน..กลับมาอดีตไม่ได้!”

แพรนวลนิ่วหน้าสงสัย ลองล้วงเข้าไปในอกเสื้อ แต่แล้วก็ต้องพบกับความประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อพบว่าเสื้อชั้นในไม่ได้มากับหล่อนด้วย แพรนวลเริ่มง่วงงุน เปลือกตาทั้งสองข้างหนักหน่วงจนเริ่มจะลืมตาไม่ขึ้น เหลียวมองดูนาฬิกาโบราณแบบตั้งโต๊ะข้างหัวเตียง บอกเวลาห้าทุ่มห้านาที เธอเหลือบเห็นขันเงินใบเล็กใส่ดอกลั่นทมลอยน้ำไว้ จึงหยิบดอกลั่นทมขึ้นมาสูดดม แล้วถือไว้ในมือ

“คุณแพรนวลคะ..” เสียงเรียกของป้าคำแดงดังมาจากที่หนึ่งที่ใดซึ่งเหมือนไกลแสนไกล ความง่วงเริ่มรุนแรงดังว่าพื้นห้องกำลังเอียงไปมา แพรนวลเดินกลับไปที่เตียง แล้วล้มตัวลงนอนด้วยเพราะมึนงงในหัว ความง่วงจนเริ่มจะลืมตาไม่ขึ้น ในมือกำดอกลั่นทมไว้แน่น ความง่วงเข้าจู่โจมอย่างหนักจนนัยน์ตาของแพรนวลปิดสนิท ร่างของเธอเหมือนล่องลอยไปสู่ฝันในห้วงนิทรารมณ์

แหลมทองยิ้มออกมาได้ เมื่อเห็นร่างของแพรนวลเริ่มเคลื่อนไหว ขณะที่ป้าคำแดงกำลังช่วยบีบนวดและเช็ดตัวให้แพรนวลจนเธอรู้สึกตัว

“คุณแพรตื่นแล้วป้า”

“โอย..ดีใจเหลือเกิน”

แพรนวลลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างมึนงง ผมของเธอประดับดอกลั่นทมที่มวยผมด้านซ้ายเหมือนเดิม เธอกวาดสายตามองไปรอบห้อง มองเห็นนาฬิกาแขวนเรือนเก่าแก่ปลายเตียงบอกเวลาสิบเอ็ดโมงห้านาที

“เวลาของปัจจุบันกับอดีตต่างกัน 12 ชั่วโมงเหรอ”

“เวลาอะไรครับ” แหลมทองถามงงๆ

แพรนวลไม่ตอบ ก้มลงมองดอกลั่นทมในมือที่เธอกำไว้ตอนนอนบนเตียงของหลาวเปิงที่เวียงขิน พอแบมือออก ดอกลั่นทมในมือกลับแห้งกรอบกลายเป็นผุยผง

“ฉันเอาสิ่งของในอดีตกลับมาได้ แต่เอาของในปัจจุบันไป อดีตไม่ได้” แพรนวลรำพึงออกมา

ป้าคำแดงกับแหลมทองสบตากัน เริ่มรู้สึกแปลกๆ กับท่าทางแพรนวล

“คุณแพรนวลตัวเย็นเหมือนคนตาย ป้าปลุกเรียกตั้งนาน”

“แค่หลับสนิทน่ะจ้ะ”

ป้าคำแดงหยิบผ้าขนหนูผืนบางสีขาวขนาดใหญ่ขึ้นมาถามด้วยความไม่สบายใจ

“คุณแพรเอาผ้าผืนนี้มาห่มทำไมคะ”

“ฉันหนาว..เปิดตู้เสื้อผ้าเจอผ้าห่มผืนนี้ก็เลยหยิบมาห่ม”

“ป้าคำแดงเก็บผ้าผืนนี้มาจากงานถวายพระประธานที่วัด เป็นผ้าที่เขาใช้ห่มพระพุทธรูปเวลาอัญเชิญพระจากโรงหล่อไปวัดครับ”

“ฉันไม่รู้ว่าเอามาห่มไม่ได้”

“คนเหนือใช้ผ้านี้ไว้คลุมหน้าศพคนตาย เพราะเชื่อว่าทำให้ คนตายระลึกชาติได้”

แพรนวลรู้สึกหัวใจกระตุกผิดจังหวะ เพราะความแปลกประหลาดในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาพ้องพานกันอย่างน่าเหลือเชื่อ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ไม่นานนักสาวใช้ก็หน้าตาตื่น ถือโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายปรี่เข้ามาหาแพรนวล

“คุณปราณีมีเรื่องด่วนจะคุยกับคุณแพรค่ะ”

แพรนวลรับโทรศัพท์มาจากสาวใช้ด้วยความสงสัย

ปราณีโทร.มาแจ้งข่าวแพรนวลว่าเขตต์ขับรถชนกำแพง เขตต์อ้างว่าเขาทำลงไปเพื่อเรียกร้องให้แพรนวลกลับมา แต่แพรนวลไม่เชื่อเช่นนั้น เธอคิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ เธอตัดสินใจไม่ไปดูอาการเขา หมอภาค จิตแพทย์ผู้ซึ่งเป็นญาติคนเดียวของเขตต์ต้องโทร.มาขอร้องแพรนวล

“พี่เป็นคนขอร้องคุณแม่ให้บอกที่อยู่แพร เพราะเจ้าเขตต์มันคิดถึงแพรจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว”

“เขาเจ็บได้ไม่ถึงครึ่งที่แพรเจ็บหรอกค่ะ”

แพรนวลพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับเขตต์อีก ภาคเข้าใจความรู้สึกของแพรนวล พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและนุ่มนวล

“เขตต์ขับรถชนกำแพงบ้านเพราะโกรธตัวเองที่ทำให้แพรเสียใจ มันสำนึกแล้วว่ามันผิดและรักแพรมาก”

แพรนวลลังเลใจ แม้ความรักที่เธอเคยมีต่อเขตต์จะจืดจางลงไปมาก แต่ความห่วงใยยังมีอยู่ และตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“ทันทีที่เขตต์ออกจากโรงพยาบาล แพรจะหย่ากับเขาค่ะ”

ภาคตกใจ ไม่คาดคิดว่าแพรนวลจะตัดสินใจแบบนี้

“แพรกับเขตต์ควรหันหน้ามาพูดจากันด้วยเหตุผล ให้โอกาสเจ้าเขตต์อีกสักครั้งเถอะ”

“แพรไม่อยากกลับไปเจ็บซ้ำๆ อีกแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะพี่ภาค แพรมีงานต้องทำ”

แพรนวลตัดบทกดวางสายโดยไม่สนใจเสียงของภาค ความรู้สึกของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน และความเจ็บช้ำในอดีตที่กำลังย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อได้พูดคุยกับภาค แพรนวลมองเหม่อออกไปยังทุ่งนาและทิวสูงลิบไกลสุดสายตา เธอเชิดหน้านิ่ง พยายามรวบรวมเข้มแข็ง เพื่อสร้างเกราะป้องกันตัวเองไม่ให้เสียใจเหมือนวันที่ผ่านมา

แพรนวลเย็บเนาแขนเสื้อซึ่งเป็นลูกไม้อย่างดีกับตัวเสื้อส่วนที่ขาดเป็นผ้าแพรจนเสร็จ จึงคลี่เสื้อสำรวจความเรียบร้อย เห็นว่าเสื้อถูกเย็บแค่พอให้ใส่ได้ แพรนวลวางเสื้อผ้าไหมแพรสีแดงลง ก่อนถอดเสื้อตัวที่เธอสวมออก แล้วหยิบเสื้อผ้าไหมแพรสีแดงขึ้นมาสวมใส่แทน พลางหยิบดอกลั่นทมดอกหนึ่งบนโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นมาสูดดม แล้ววางไว้บนหมอนหนุน จากนั้นจึงหยิบผ้าขนหนูบางสีขาวผืนเดิมมาห่มคลุมร่างขณะเธอโน้มตัวลงนอน สายตาแพรนวลมองนาฬิกาเรือนโบราณที่ปลายเตียง บอกเวลาห้าโมงเย็น หญิงสาวข่มตาข่มใจให้นอนหลับ พยายามทำใจให้สงบ ตั้งสมาธิอย่างมุ่งมั่น เพื่อพาตัวเองไปสู่ความล้ำลึกแห่งนิทรารมณ์

แพรนวลตื่นขึ้นบนเตียงในห้องนอนของหลาวเปิง พร้อมเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในหมู่แมกไม้นอกหน้าต่าง อากาศยามเช้าสะอาดสดชื่นจนเธออดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกเต็มปอด เธอเหลียวมองดูนาฬิกาโบราณแบบตั้งโต๊ะข้างหัวเตียง บอกเวลาตีห้าสามสิบนาที เธอดีใจที่ได้กลับมาเวียงขินอีกครั้ง

แพรนวลเห็นชุดผ้าไหมแพรสีแดงของเจ้านางตองริ้วพาดวางอยู่บนโต๊ะข้างห้อง เธอจะเข้าไปหยิบชุดผ้าไหมแพรสีแดงขึ้นมาดูใกล้ๆ เสื้อผ้ายังดูใหม่และไม่มีร่องรอยฉีกขาดเหมือนตัวที่เชียงราย คำพูดของป้าเพ็ญสุขดังขึ้นในความคิดแพรนวล

“พ่อเคยเล่าให้ป้าฟังว่า เจ้านางที่ใส่เสื้อชุดนี้ถูกชิงตัวกลางพิธีแต่งงานในเวียงขิน ผู้ชายคนหนึ่งถูกยิงตาย ผู้ชายอีกคนหนีไปได้”

แพรนวลหวาดหวั่น และใจคอไม่ดีเมื่อนึกถึงคำบอกเล่าประวัติของเสื้อตัวนี้

เจ้านางตองริ้วตกใจ และตั้งตัวไม่ทันเมื่อหลาวเปิงแนะนำให้เธอแต่งงานกับซานแปง เพื่อที่อูซอจะได้เลิกสนใจในตัวเธอ เธอตอบตกลงทันที ซานแปงดีใจมาก เขาประคองมือทั้งสองของเจ้านางตองริ้วขึ้นมากุมไว้อย่างทะนุถนอม ต่อหน้าสักขีพยานอย่างหลาวเปิง

“ขอบคุณที่ไม่รังเกียจสามัญชนอย่างพี่…พี่สัญญาว่าจะรักและดูแลเจ้านางตองริ้วด้วยชีวิต”

“ตองริ้วก็สัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อพี่ซานแปงเพียงคนเดียว”

เจ้านางตองริ้วกับซานแปงสบตากัน สายตาของทั้งสองเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่แสนบริสุทธิ์และปรารถนาดีต่อกัน หลาวเปิงมั่นใจว่าซานแปงจะรักและดูแลน้องสาวของเขาได้เป็นอย่างดี

“อีกเก้าวันจะมีพิธีแต่งงานของน้องตองริ้วกับซานแปงในเวียงขิน พี่จะเร่งเตรียมงานทันที”

เจ้านางตองริ้วโผเข้ามากอดหลาวเปิงด้วยความตื้นตันใจ

“ขอบคุณพี่หลาวเปิงมากนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของน้อง”

หลาวเปิงโอบกอดเจ้านางตองริ้วอย่างอบอุ่น ดุจพี่ชายที่รักและหวงแหนน้องสาวเป็นที่สุด

“เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง..พี่มั่นใจว่าซานแปงจะดูแลน้องของพี่ได้เป็นอย่างดี”

ซานแปงสบตาหลาวเปิง สายตาจริงจังของเขายืนยันความรักที่มีต่อเจ้านางตองริ้วตลอดไป

จันสมยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟให้หลาวเปิง ซานแปง เจ้านางตองริ้ว ขณะทั้งสามปรึกษาหารือกันเรื่องการแต่งงาน หลาวเปิงนึกขึ้นได้ถามหาแพรนวลกับจันสม

“แม่หญิงแพรนวลยังไม่ลงมาเหรอ”

“ยังค่ะ”

“เมื่อคืนแม่หญิงปวดหัวและอ่อนเพลียมาก หรือวันนี้จะไม่สบาย”

“เดี๋ยวตองริ้วขึ้นไปดูให้นะคะ”

“พี่จะขึ้นไปเอง..น้องตองริ้วปรึกษากับซานแปงเรื่องพิธีแต่งงานดีกว่า”

เจ้านางตองริ้วยิ้มรับคำพี่ชาย หลาวเปิงจึงลุกเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเขา ซานแปงมองตาม ก่อนหันมาถามเจ้านางตองริ้วด้วยความสงสัย

“แม่หญิงแพรนวลเป็นใคร”

หลาวเปิงเคาะประตูเรียกแพรนวลอยู่หน้าห้อง ไม่มีเสียงตอบมาจากข้างใน หลาวเปิงเป็นห่วงแพรนวล ตัดสินใจไขกุญแจและรีบเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง มองหาจนทั่วแต่กลับไม่พบแพรนวลแม้แต่เงา

“แม่หญิง..”

ด้านแพรนวลที่แช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงเรียกของหลาวเปิง เธอขึ้นจากอ่างเอื้อมคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมคลุมร่างของเธอ หลาวเปิงผลักประตูห้องน้ำเข้ามาพอดี แพรนวลหันขวับด้วยความตกใจ เสียหลักกำลังจะล้ม หลาวเปิงรีบพุ่งเข้าไปประคองรับตัวแพรนวล พร้อมรวบตัวเธอมากอดไว้ในอ้อมอก ทำให้เสื้อคลุมอาบน้ำของแพรนวลร่นลงมาจนเห็นเนินไหล่ขาวเนียน

หลาวเปิงนิ่งจ้องหน้าแพรนวล ตกอยู่ในภวังค์เสน่หา แพรนวลเห็นแววตาหลาวเปิง เธอถึงกับชะงัก หัวใจหวั่นไหว ทั้งสองสบตากัน ราวกับอยู่ในเวทย์มนต์บางอย่างที่สะกดเขาและเธอไว้ด้วยกัน

เรืองระยับมาเห็นภาพนั้นพอดี ก็โกรธจนตัวสั่น บันดาลโทสะตรงเข้าไปตบหน้าแพรนวลจนหน้าหัน หลาวเปิงตกใจมากรีบประคองแพรนวลไว้

เจ้านางเรืองระยับยืนคอเชิด หันหลังให้หลาวเปิงด้วยความกรุ่นโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อถูกหลาวเปิงตำหนิที่ใช้ความรุนแรงกับแพรนวล

“ยังน้อยเกินไป..กับสิ่งที่มันทำกับคู่หมั้นฉัน”

หลาวเปิงสะกดอารมณ์ พยายามอธิบาย “มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด”

“มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน หลาวเปิงไม่ทันจริต ผู้หญิงหรอก”

“เป็นความผิดของผมคนเดียว แม่หญิงแพรนวลไม่รู้เรื่องด้วย”

“คุณแพรนวลก็ตกใจไม่ต่างจากพี่เรืองระยับ อย่าหาความกันเลยนะคะ”

“น้องตองริ้วกับหลาวเปิงกำลังเห็นคนอื่นดีกว่าพี่”

“คุณแพรนวลมาแล้วค่ะ”

แพรนวลแต่งตัวเสร็จก้าวเข้ามาด้วยรองเท้าแตะแบบไทเขิน สวมเสื้อสีเหลืองดอกฟักทองเข้ารูปและผ้านุ่งดำทอลายสลับสีหลายระดับอ่อนเข้มของสีเหลือง ขับให้ผิวขาวของแพรนวลดูเปล่งปลั่งสดใส ผมของเธอรวบมัดขึ้นใหม่และประดับดอกลั่นทมไว้ที่มวยผมด้านซ้าย หลาวเปิงถึงกับตะลึงในความงดงามราวเทพธิดา เจ้านางเรืองระยับเห็นสายตาหลาวเปิงและสายตาทุกคนที่จับจ้อง และสนใจแพรนวลด้วยความชื่นชม ยิ่งทำให้เจ็บใจ

“คุณแพรนวลงดงามเหลือเกิน”

“ขอบคุณเจ้านางตองริ้วที่ให้ฉันยืมเสื้อผ้าชุดใหม่และรองเท้า”

แพรนวลทำตัวไม่ถูก เมื่อเห็นแขกที่เธอยังไม่รู้จักยืนอยู่ด้วย หลาวเปิงรีบแนะนำ

“ซานแปง..เป็นหุ้นส่วนโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของผม และเป็นคนรักของน้องตองริ้ว”

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” แพรนวลยกมือไหว้แบบไทย

ซานแปงยกมือไหว้ตอบรับมารยาท “ถ้าไม่รู้ว่าแม่หญิงแพรนวลเป็นคนไทย ผมคงคิดว่าเป็นเจ้านางในเวียงขิน”

“เจ้าฟ้าเจ้านางเป็นได้ด้วยสายเลือด ไม่ใช่คิดอยากจะเป็นก็เป็น”

แพรนวลหน้าชาไปเล็กน้อยเมื่อถูกเจ้านางเรืองระยับพูดกระทบ แต่ยังคงยิ้มรักษามารยาทกับทุกคน เจ้านางตองริ้วไม่อยากให้บรรยากาศมาคุมากไปกว่าเดิม จึงเสเปลี่ยนเรื่อง

“ตองริ้วให้คนเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญทุกคนไปรับประทาน อาหารกันดีกว่าค่ะ”

สายตาคมกริบของเจ้านางเรืองระยับจ้องแพรนวล ยังขุ่นเคืองไม่หาย

ทุกคนนั่งรับประทานอาหารเช้าแบบตะวันตก มีทั้งขนมปังปิ้ง หมูแฮม เนย แยมสับปะรด น้ำส้มและนมสด เจ้านางเรืองระยับปรายตามองแพรนวลอย่างดูแคลน

“คนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก เธอคงไม่ชินกับการกินอยู่แบบตะวันตก”

“ฉันปรับตัวได้ตอนไปเรียนที่อเมริกาค่ะ”

หลาวเปิงและทุกคนต่างหยุดมองแพรนวลด้วยความประหลาดใจ แพรนวลพลั้งตอบโดยไม่ทันคิด แล้วฉุกนึกได้ว่าไม่ควรเปิดเผยความจริงมากเกินไป

“แม่หญิงแพรนวลไปเรียนอะไรที่อเมริกาครับ”

“กฎหมายระหว่างประเทศค่ะ”

“แปลกดีนะครับ ผู้หญิงเรียนกฎหมาย” ซานแปงทึ่ง

“อีกไม่นาน..ผู้หญิงจะทำได้ทุกอย่างค่ะ”

“คุณแพรนวลพูดเหมือนมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าเลยนะคะ”

“เพ้อเจ้อ” เจ้านางเรืองระยับตัดบทด้วยความรำคาญ ก่อนจะหันไปถามหลาวเปิง “วันนี้หลาวเปิงพาฉันไปซื้อของใช้จำเป็นให้พวกซิสเตอร์บนดอยเหนือ หน่อยได้ไหม”

“ผมไม่ว่าง ต้องเร่งเตรียมงานแต่งงานของน้องตองริ้วกับซานแปง”

“น้องตองริ้วจะแต่งงานกับซานแปง”

เจ้านางเรืองระยับตกใจที่เพิ่งรู้เรื่อง แพรนวลวางตัวนิ่ง ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของทุกคน

เจ้านางเรืองระยับต่อว่าเจ้านางตองริ้วด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเธอตัดสินใจจะแต่งงานกับซานแปง เวียงขินจะลุกเป็นไฟเพราะสงครามชิงนาง อูซอไม่มีทางยอมให้ตองริ้วแต่งงานกับคนอื่นแน่

“ผมก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกน้องตองริ้วและเมืองเวียงขิน”

“ผมยอมตาย แต่จะไม่ยอมให้อูซอแย่งเจ้านางตองริ้วไป”

แพรนวลตกใจจนหน้าซีด นึกกลัวว่าคำบอกเล่าของป้าเพ็ญสุขจะเป็นจริง น้ำเสียงของป้าเพ็ญสุขดังขึ้นในความคิดแพรนวลอีกครั้ง

“พ่อเคยเล่าให้ป้าฟังว่า เจ้านางที่ใส่เสื้อชุดนี้ถูกชิงตัวกลางพิธีแต่งงานในเวียงขิน ผู้ชายคนหนึ่งถูกยิงตาย ผู้ชายอีกคนหนีไปได้”

“การแต่งงานของน้องตองริ้วกับอูซอเป็นทางเดียวที่จะรักษาสายเลือดสีน้ำเงินของกษัตริย์ และปกป้องเมืองเวียงขินไว้” เรืองระยับน้ำเสียงแข็งกร้าว

“ตองริ้วขอเป็นคนเห็นแก่ตัว เพื่อซื่อสัตย์ต่อคนที่ตองริ้วรัก”

เจ้านางตองริ้วสบตาซานแปงด้วยสายตาที่มั่นคงในรักแท้ของเธอ จนซานแปงรู้สึกซาบซึ้งมาก

“เตือนดีๆ แล้วไม่ฟัง พี่จะไม่ยุ่งและจะไม่เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้น้องตองริ้ว”

เจ้านางเรืองระยับเดินสะบัดออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิดและโมโหมาก

ป้าคำแดงเห็นแหลมทองนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าห้องของแพรนวล จึงถามด้วยความสงสัย

“มานั่งเกะกะหน้าห้องคุณแพรทำไม”

แหลมทองไม่กล้าบอกว่ามาเฝ้าไม่ให้ใครเข้าไปกวนตามที่แพรนวลสั่งไว้ จึงอ้างว่าตนมาคอยรับใช้แพรนวล

“อยู่กับคุณแพรทั้งวัน เห็นคุณแพรเครียดบ้างมั้ย”

“ปกติ”

“ไม่เครียด?”

“เครียดเป็นปกติ”

“ไอ้แหลม” คำแดงถลึงตาดุ

แหลมทองจุ๊ปากเตือน “อย่าเสียงดังสิป้า เดี๋ยวคุณแพรตื่น”

ป้าคำแดงจำต้องลดเสียงลงด้วยความหมั่นไส้แหลมทอง

“ไม่กวนข้าสักวันจะตายมั้ย”

“รักหลอกจึงหยอกบ่อย” แหลมทองยิ้มทะเล้น

ป้าคำแดงค้อนแหลมทอง ก่อนจะมองเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วงแพรนวล

เจ้านางตองริ้วทอดถอนใจด้วยความเศร้า โดยมีแพรนวลรับฟังอยู่เป็นเพื่อน

“อีกเก้าวันจะมีพิธีแต่งงาน..ตองริ้วไม่ค่อยมีเพื่อนในเวียงขิน แล้วจะหาเพื่อนเจ้าสาวทันได้ยังไง”

“ถ้าเจ้านางตองริ้วไม่รังเกียจ ฉันยินดีเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้”

“ขอบคุณมากนะคะคุณแพรนวล ตองริ้วดีใจที่สุดเลย”

เจ้านางตองริ้วปรี่เข้าไปกอดแพรนวลด้วยความดีใจ แพรนวลยิ้มให้เจ้านางตองริ้ว ก่อนมองเห็นบึงน้ำกว้างใหญ่นอกหน้าต่าง อีกด้านของบึงมีหลังคาบ้านเรือนสลับซับซ้อนกับหมู่แมกไม้เขียวชอุ่ม บรรยากาศสดชื่นสบายตา จึงถามเจ้านางตองริ้วด้วยความสนใจ

“ยอดเจดีย์ที่อยู่ริมน้ำคือเจดีย์วัดเชียงอินทร์ โรงงานเฟอร์นิเจอร์ของพี่หลาวเปิงกับพี่ซานแปงอยู่หลังวัดนั้น”

“เตียงสวยในห้องนอนของหลาวเปิง ต่อที่โรงงานนี้เหรอคะ”

“ไม่ใช่ค่ะ เตียงนั้นเจ้าเมืองบุญซึ่งเป็นเพื่อนของแม่ยกให้เป็นของขวัญแต่งงาน แม่กับพ่อพี่หลาวเปิง พอพ่อของพี่หลาวเปิงตาย แม่ก็ยกเตียงนั้น

ให้พี่หลาวเปิง”

“ฉันไม่เคยเห็นเตียงไหนงดงามเท่านี้มาก่อน”

“พี่เรืองระยับและบ่าวหลายคนเคยเจออาถรรพ์เตียงนั้นหลอน เมื่อคืนคุณแพรนวลไม่เจออะไรบ้างเหรอคะ”

แพรนวลส่ายหน้า อยากเล่าเรื่องที่เธอย้อนเวลามาเวียงขินได้เพราะเตียงนั้นก็กลัวจะไม่มีใครเชื่อ หลาวเปิงเดินเข้ามา

“ผมจะพาแม่หญิงแพรนวลไปบ้านพ่อบุญสิงห์ แต่จะขอแวะโรงงานเฟอร์นิเจอร์ก่อน เพราะมีปัญหานิดหน่อย”

“มีเรื่องอะไรคะ” เจ้านางตองริ้วถามหลาวเปิงสงสัย

หลาวเปิงเดินนำแพรนวลมายังรถที่จอดรถอยู่

“ซานแปงรีบกลับไปแก้ปัญหาเกี่ยวกับการผลิตที่โรงงานแล้ว ผมแค่ตามไปดูความเรียบร้อย”

หลาวเปิงเปิดประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับให้แพรนวล ยังไม่ทันจะก้าวขึ้น เจ้านางเรืองระยับก็ขึ้นไปนั่งบนรถ ตัดหน้าแพรนวล หลาวเปิงกับแพรนวลชะงัก มองเจ้านางเรืองระยับที่ขึ้นไปนั่งบนรถหน้าตาเฉย

“ฉันอยากไปดูธุรกิจของว่าที่คู่หมั้นบ้าง”

“ฉันนั่งข้างหลังก็ได้ค่ะ”

แพรนวลบอกหลาวเปิงอย่างเจียมตัว ไม่อยากมีปัญหา เจ้านางเรืองระยับยิ้มในหน้า สายตาเจ้าเล่ห์

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน