คอลัมน์ กระแสร้อน

เปิดใจ 3 ทนายฮอต‘Vincenzo’ – นาทีนี้ซีรีส์ฮอตต้องยกให้ Vincenzo (วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย) ที่เหล่า คุณทนายฟาดฟันกันแบบไม่ยั้ง

เรตติ้งดีงามทุกตอน แถมจบตอนแต่ละวันก็สร้างอารมณ์ค้างคาให้คนดูกระวนกระวายเร่งให้ตอนใหม่มาเร็วๆ

เบื้องหน้าออกมาสนุกสนาน ลองไปฟัง 3 นักแสดงนำ ซงจุงกิ ในบท วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย, อ๊กแทคยอน กับ 2 บทบาท ทนายฝึกหัด จางจุนอู และผู้บริหารตัวร้าย จางฮันซอก ร่วมด้วย ชอนยอบิน ในบท ฮงชายอง ทนายสาวที่ทั้งโก๊ะทั้งแสบ พูดคุยถึงการทำงานในเรื่องนี้

◆ เมื่อได้อ่านสคริปต์ครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง ทำไมถึงตกลงรับเล่น?

ซงจุงกิ – “ซีรีส์ไม่ได้พูดถึงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าที่ไหน สังคมอะไร ประเทศใด ก็มีคนชั่วอยู่ ล่าสุดนี้เวลาดูข่าวที่เกาหลี มีหลายเรื่องที่เห็นแล้วผมโกรธจนน้ำตาจะไหล ในเรื่องนี้มีตัวร้ายอยู่เยอะมาก ผมเชื่อว่าเป็นตัวร้ายที่มีอยู่จริง ซีรีส์มีวิธีจัดการคนชั่วเหล่านั้นแบบแปลกใหม่ ทำให้รู้สึกโล่งใจ ทำให้มีความรู้สึกร่วมไปกับละครได้”

ชอนยอบิน – “ทุกตอนของซีรีส์ไม่สามารถคาดเดาได้ ดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วและมี รายละเอียดเยอะ เลยรู้สึกว่าอยากร่วมงานนี้ ตัวละครแต่ละตัวในคดีเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ในบรรดาตัวละครเหล่านั้น ฮงชายองเป็น คนที่มีเสน่ห์มาก รู้สึกทันทีเลยว่าอยากแสดง นอกจากนี้ยังเป็นละครที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ระหว่างความเยือกเย็นและความร้อนผ่าว สลับกันไปมา เป็นเสน่ห์ของละครเรื่องนี้”

อ๊กแทคยอน – “ตอนได้อ่านบท มีสองสิ่งที่ดึงดูด อย่างแรกคือ สตอรี่ไลน์ของบทและคำอธิบายในนั้น ถูกเขียนออกมาอย่างดีมาก อ่านบทปุ๊บวาดภาพในหัวได้ปั๊บเลย สามารถเข้าใจสิ่งที่นักเขียนอยากจะสื่อออกมาได้ทันทีเป็นบทที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นจริงได้ อีกอย่างคือ ตัวละครจุนอู เป็นตัวละครที่จะได้เห็นการเติบโต”

◆ ความประทับใจแรกของคุณที่มีต่อ นักแสดงท่านอื่น?

อ๊กแทคยอน – “ผมได้เจอคุณยอบินและ คุณแทคยอนครั้งแรก ตอนได้ยินว่าจะได้ร่วมงานกัน ผมได้เจอกับตัวละครผ่านจากในบทมาหมดแล้ว เลยรู้สึกว่าจับคู่ตัวละครกับนักแสดงได้ ดีมาก เหมาะกับทั้งสองท่าน พอได้เจอตัวจริงครั้งแรก รู้สึกอุ่นใจมั่นใจขึ้นมาเลยว่าถ่ายทำละครกับสองคนนี้จะต้องสนุกแล้วก็มีกำลังใจมาก”

อ๊กแทคยอน – “เท่าที่รู้ ฉันถูกแคสต์เป็นคนแรก ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะมีรุ่นพี่จุงกิและแทคยอนร่วมด้วยก็รอว่าจะเป็นใคร พอได้ยินข่าวก็ดีใจมากๆ กับรุ่นพี่แทคยอนเคยเจอกันแป๊บนึงในละครเรื่อง Save Me ส่วนรุ่นพี่จุงกิเป็นนักแสดง ที่ฉันชอบที่สุดตอนสมัยเรียน เลยตื่นเต้นมาก รอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกันพอได้เจอและร่วมงานรู้สึกว่า รุ่นพี่จุงกิเป็นคนที่ละเอียดมาก ได้เรียนรู้จากเขาเยอะมาก รู้สึกขอบคุณมากค่ะ ส่วนรุ่นพี่แทคยอนเราเข้ากันได้ดีมากตั้งแต่การถ่ายทำครั้งแรก จนสงสัยว่าได้รับพลังที่ดีและเข้ากันขนาดนี้ได้ยังไงนะ รู้สึกขอบคุณและถ่ายทำอย่างสนุกมากเป็นสองท่านที่ฉันรักมากค่ะ”

อ๊กแทคยอน – “ผมก็เช่นกันครับ ถ้าย้อนไปครั้งแรกที่เจอกัน รุ่นพี่จุงกิเป็นวินเชนโซ่เรียบร้อยแล้วครับ มีทั้งความละเอียดความเพอร์เฟ็กต์ของวินเชนโซ่ เห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเลย ตอนเจอครั้งแรกและอ่านบทด้วยกัน จะมีความเป็นคอมมิกอยู่ในบท พอรุ่นพี่จุงกิพูดแค่คำเดียว คนในห้องขำกันใหญ่ เห็นแล้วก็รู้สึกว่า ว้าว เขา เพอร์เฟ็กต์มากจริงๆ เป็นคนที่ทำให้รู้สึกอิจฉา”

“ส่วนชอนยอบิน ปกติคนส่วนมากจะกังวลการถ่ายซีนแรก แต่ขนาดซีนแรกก็ไฟลุกเลย มุ่งมั่นมาก ผมตกใจเลย ตอนถ่าย ครั้งแรกเป็นฉากที่ยอบินลงไปนอนราบกับโต๊ะ รู้สึกว่าตัวละครเข้าไปซึมซับในตัวเขาเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เคยเจอกันก่อนเรื่องนี้ด้วย ได้ซ้อมด้วยกันสองสามรอบ ผมรู้สึก ว่าเขาเหมือนฟองน้ำ ซึมซับทุกอย่างแล้ว ปรับมาเป็นของตัวเอง และแสดงออกมาได้เท่มากครับ”

◆ คุณและตัวละครของคุณมีความคล้ายคลึงกันมั้ย?

ซงจุงกิ – “ส่วนที่คล้ายกันมากที่สุดน่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ เป็นตัวละครที่ถ้าเห็นอะไรที่ รู้สึกว่าผิดจะรีบแสดงออกทันที คล้ายกับตัวผมในชีวิตจริง ถ้ามีอะไรที่มันผิดแปลกไปจาก สามัญสำนึกของผม ผมก็จะทนไม่ได้เช่นกัน”

“ถ้าเทียบกับเบสบอลก็คือเป็นพิชเชอร์ ที่ขว้างลูกออกไปตรงๆ ขว้างอ้อมๆ ไม่เป็น เป็นจุดที่วินเชนโซ่และซงจุงกิคล้ายกัน จุดที่ต่างเลยคือ ซงจุงกิไม่เคยไปแถวอิตาลี อยากไปมากๆ โดยเฉพาะมิลานบ้านเกิดวินเชนโซ่”

ชอนยอบิน – “จุดที่คล้ายคือแพสชั่นและความรักที่มีให้กับงานของตัวเอง แล้วก็มีความกระหายที่อยู่ลึกในใจ เอาสิ่งนั้นมาเป็นพลังในการใช้ชีวิต แต่ว่าวิธีการแสดงออกและปลดปล่อยออกมาต่างกัน ตอนแสดงเป็นชายอง บางทีก็รู้สึกเติมเต็มบางอย่างในตัวเช่น ได้ลองเดินไปในเส้นทางที่ไม่เคยเดินมาก่อน”

อ๊กแทคยอน – “จุดที่คล้ายกันคือเวลาที่สนุกก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน และทำให้คนอื่นรู้สึกสนุกไปด้วย จุดที่ต่างก็คือ จุนอูเป็นคนขี้โมโหมาก เวลาเขาโมโหจะมีบางอย่างที่แสดงออกมา เป็นส่วนที่ต่างกับผม ผมเป็นคนที่ถ้าโมโหจะพยายามอดทนเอาไว้ แต่จุนอูจะแสดงออกมาตรงๆ เวลาสนุกแสดงออกมายังไงเวลาโมโหเขาก็แสดงออกมามากเท่านั้น”

◆ ระหว่างถ่ายทำเป็นอย่างไร มีเรื่องสนุกอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ในกลุ่มพวกคุณมีใครที่เป็น Mood Maker บ้างมั้ย?

ซงจุงกิ – “ถ้าต้องเลือกคนเดียว ผมเลือกคุณอ๊กแทคยอนครับ ที่สัมภาษณ์อยู่ตอนนี้เขาพยายามบังคับใจตัวเองอยู่ แต่ที่จริงแล้วเป็นคนสดใสมาก เป็นคนที่ทำให้บรรยากาศกองถ่ายเบิกบาน ผมมีถ่ายกับคุณยอบินเยอะกว่าคุณแทคยอน แต่ขนาดซีนไม่เยอะ เขาก็ทำให้ผมหัวเราะออกมาจริงๆ ได้ตลอด ตลกมากๆ ทำให้ได้รู้สึกอีกครั้งว่าเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำงานในที่ที่สนุกสนานขนาดนั้น เรื่องสนุก เอาจริงๆ แล้วมีเยอะมาก”

ชอนยอบิน – “ถ้าเรื่องมู้ดเมกเกอร์น่าจะมีหลายแบบค่ะ พี่แทคยอนเป็นเหมือนกับวิตามินสดใสมาก ขาดไปไม่ได้ ส่วนพี่จุงกิเหมือนกับออกซิเจนจะไม่มีอยู่ไม่ได้เป็นสองคนที่สร้างบรรยากาศให้กับพวกเรา เป็นบุคคลที่จำเป็นต้องมีอยู่ใน กองถ่าย”

อ๊กแทคยอน – “งั้นผมเลือก คุณยอบินครับฉากที่ถ่ายกับคุณ ยอบินมีแต่ฉากที่สดใส สนุก และบทชายองที่คุณยอบินเล่นก็เป็นตัวละครที่หลงตัวเอง เวลาเห็นภาพแบบนั้น ทั้งผู้กำกับฯ ทีมงาน นักแสดงทุกคนก็จะรู้สึกสนุก รู้สึกว่าเขาน่ารักน่าเอ็นดู ผมเลยขอเลือกคุณยอบินให้เป็นมู้ดเมกเกอร์ในกองถ่ายครับ”

◆ อะไรคือเสน่ห์ ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ ที่ทำให้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ?

อ๊กแทคยอน – “มีนักแสดงยอดเยี่ยมหลายท่าน เรื่องราวก็สุดยอด มีหลายๆ ท่านที่ทำให้ซีรีส์ออกมายอดเยี่ยม ส่วนตัวรู้สึกว่าเหตุผลที่ต้องดูคือ คลิฟแฮงเกอร์ ในทุกอีพี ตอนจบที่ทำให้อยากรู้ตอนต่อไป จะเกิดอะไรขึ้น เชื่อมต่อกันยังไง”

ชอนยอบิน – “สิ่งที่รู้สึกจากตอนอ่านบทคือ ทุกตอนเหมือนโชว์ดอกไม้ไฟเลยค่ะ แต่ละตอนรู้สึกเหมือนมีคนจัดงานเทศกาลที่สนามและฉันได้รับเชิญไป เขาจัดงานขนาดนี้แล้ว คนที่ไม่มานี่น่าเสียดายนะ อยากให้ทุกคนมาสนุกด้วยกันค่ะ”

ซงจุงกิ – “เป็นละครคอมเมดี้ที่ไม่ได้เห็นกันมานานครับ ในช่วงที่ไม่มีเรื่องให้เราหัวเราะกันได้เท่าไหร่ อยากให้เป็นสุดสัปดาห์ที่ทำให้ทุกคนหัวเราะ สนุกสนานไปกับครอบครัวได้ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าหนักไปผมจึงอยากแนะนำเรื่องนี้ให้ครับ”

ติดตามชม Vincenzo ได้ทางเน็ตฟลิกซ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน