เขตต์ประคองกอดแพรนวลไว้ระหว่างที่ป้าคำแดงเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้แพรนวล แหลมทองคอยบีบนวดแขนขาให้แพรนวล สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

“เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นนานแล้วทำไมยังไม่ตื่น”

“ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”

“เมียผมเป็นแบบนี้จะให้เย็นได้ไง”

เขตต์กอดแพรนวลแนบแน่นด้วยความหวาดกลัวว่าจะเสียเธอไป

“ตื่นสิแพร..คุณต้องไม่เป็นอะไรนะแพร”

หลาวเปิงห่มผ้าให้แพรนวล แล้วโน้มหน้าเข้าไปจุมพิตแพรนวลที่แก้มอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล

มีความสุขที่ได้ดูแลหญิงอันเป็นที่รัก ซานแปงเปิดประตูเข้ามา เห็นแพรนวลนอนหลับอยู่ เกรงใจ

“ออกไปคุยข้างนอกเถอะ”

หลาวเปิงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วลุกตามซานแปงออกไป

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้อง แพรนวลลืมตา เบลอๆ ฝืนลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง

“แพรได้ยินผมรึเปล่า..อย่าทิ้งผมไปนะแพร”

เสียงเรียกของเขตต์มาพร้อมอาการปวดหัวหนึบ ความง่วงเริ่มเข้ามาครอบครองสติของแพรนวล

เธอพยายามฝืนลืมตาแต่ดูเหมือนกำลังจะพ่ายแพ้

“เขตต์..” แพรนวลจับนาฬิกาโบราณของหลาวเปิงที่ห้อยคอกุมไว้แน่นราวจะหาที่เหนี่ยวรั้งสติให้คงอยู่ ร่างของเธอเริ่มโอนเอนไปมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่อาจฝืนได้อีก เปลือกตาของแพรนวลหนักจนลืมตาไม่ขึ้น พลังแห่งการหลับใหลมีอำนาจเหนือกว่าจึงนำพาสติของแพรนวลให้ดำดิ่งหายไปในห้วงนิทรารมณ์

แพรนวลสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาพร้อมเรียกชื่อหลาวเปิง ก่อนจะเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดเขตต์ ป้าคำแดงกับแหลมทองพาหมอและพยาบาลเข้ามาในห้องพอดี

“คุณแพรตื่นแล้ว”

“ผมเป็นห่วงแพรที่สุดเลยรู้มั้ย”

เขตต์กอดแพรนวลแน่น ทั้งดีใจและโล่งอกที่เห็นเธอไม่เป็นอะไร แพรนวลดันตัวเขตต์ออก ลุกขึ้นมองหมอกับพยาบาลอย่างไม่เข้าใจ

“เข้ามาทำอะไรกัน?”

“แพรหลับไม่ยอมตื่น ผมก็เลย..” เขตต์ยังพูดไม่ทันจบ แพรนวลก็โพล่งออกมา

“ออกไปให้หมด..ฉันบอกให้ออกไป”

ทุกคนอึ้งเมื่อถูกแพรนวลตวาดไล่เสียงดัง

แพรนวลยืนยันเสียงแข็งกับเขตต์ต่อหน้าทุกคน

“แพรก็แค่หลับลึก ไม่ได้เป็นอะไร”

“หลับลึกยังไงก็ไม่น่าจะตัวซีดเย็นเหมือนน้ำแข็ง”

“ก็ช่วงนี้อากาศเย็น” แพรนวลแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“แพรเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มาเชียงราย”

“ชีวิตเป็นของแพร จะทำอะไรก็เรื่องของแพร”

ศิรินุชเห็นแพรนวลเริ่มเสียงดัง จึงเข้าไปช่วยปรามให้เย็นลง

“ที่คุณเขตต์ทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงแพร..ให้หมอตรวจสักหน่อยเถอะนะ ทุกคนจะได้สบายใจ”

“นุชก็รู้สึกว่าแพรเปลี่ยนไปใช่มั้ย”

ศิรินุชไม่รู้จะตอบแพรนวลยังไง แพรนวลจึงตัดบท

“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ ตอนนี้แพรอยากพักผ่อน”

“คืนนี้ผมจะนอนเฝ้าแพรที่บ้าน”

“แพรไม่อนุญาต”

“เป็นความต้องการของคุณแม่แพร”

“น้าปราณีจะมาเชียงรายพรุ่งนี้” ภาคช่วยเขตต์ยืนยัน

แพรนวลชะงัก เครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินสะบัดหนีขึ้นห้องไปอย่างไม่พอใจ ธีรภพมองตามแพรนวลอย่างแปลกใจ

“แพรนอนทั้งชุดนี้เหรอ”

“น่าแปลกมั้ยล่ะครับ”

“น่าเป็นห่วงมากขึ้นทุกทีแล้วนะคะพี่ภาค”

แหลมทองแอบตามแพรนวลเข้ามาในห้อง เห็นเธอนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างอารมณ์เสีย

“ฉันต้องกลับไปเวียงขิน แหลมไปเอาหมอนกับผ้าห่มมานอนในห้องฉัน จะได้ไม่มีใครเข้ามารบกวน”

“จะกลับไปอีกเหรอครับ”

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลานอนในเวียงขิน ถ้าฉันหายไปทุกคนจะสงสัย”

“ผมกลัวคุณแพรจะเป็นเหมือนคุณกิ่งแก้ว”

“แหลมปลุกฉันได้แน่นอน” แพรนวลบอกอย่างมั่นใจ

ลานลั่นทมในหอคำ หลาวเปิงเดินคุยมากับซานแปงตามลำพัง

“ทหารไม่พบร่องรอยของพวกโจรที่จับแม่หญิงแพรนวลไป”

“มันไม่ใช่โจรกระจอก”

“พูดเหมือนรู้ว่าใคร”

“ฉันจะลืมคนที่ใช้เจิงมวยปะเด็งสู้กับฉันถึงสองครั้งได้ไง”

ซานแปงตกใจ “อูซอ?”

“ไม่มีหลักฐานก็ทำได้แค่สงสัย”

“ทหารสอดแนมของพันตรีประกิตส่งข่าวมาเตือนว่า พ่อของอูซอส่งทหารจากรัฐกะยาเคลื่อนมาทางใต้ของเวียงขิน แต่ผ่านกองพันทหารไทเข้ามาทางชายแดนไม่ได้..เป็นไปได้ไหมว่าอูซอเดินทางกลับพุกามเพื่อตบตาเรา”

“ฉันไม่เชื่อว่ามันจะยอมแพ้ง่ายๆ พาน้องตองริ้วลี้ภัยไปอังกฤษตามคำแนะนำของเจ้าอาแสงฉายซะ”

“ทิ้งแผ่นดินเกิดก็ไม่ต่างกับทิ้งตัวตน”

“ศักดิ์ศรีและตัวตนของเราไม่สำคัญเท่าคนที่เรารัก” หลาวเปิงมองช่อดอกลั่นทมที่อยู่ในระดับสายตาของเขา แล้วนึกถึงแพรนวล “สงครามมีแค่ชนะกับแพ้ แต่การได้อยู่กับคนที่เรารักคือความสุขทั้งชีวิต”

ซานแปงครุ่นคิดตามคำพูดหลาวเปิง

หลาวเปิงรีบกลับเข้ามาในห้องนอนเพราะเป็นห่วงแพรนวล แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่เห็นแม้เงาของหญิงอันเป็นที่รัก ทรุดนั่งลงบนเตียงด้วยความเศร้า และเฝ้ารอการกลับมาของแพรนวล

ซานแปงเดินมองหาเจ้านางตองริ้ว จนหันมาเห็นเธอนั่งทอดถอนใจอยู่ตรงม้านั่งในสวนเพียงลำพัง จึงตรงเข้าไปนั่งลงข้างๆ

“พี่หาเจ้านางจนทั่ว ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว”

เจ้านางตองริ้วหันมาสบตาซานแปง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ

“ตองริ้วเป็นลูกอกตัญญู ไม่ได้ดูแลเจ้าพ่อตอนท่านลำบาก ป่านนี้เจ้าพ่อจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

ซานแปงมองเจ้านางตองริ้วอย่างตัดสินใจ “พี่จะพาแม่กับน้องบัวเขมไปอังกฤษกับเจ้านาง”

“แต่พี่ซานแปงไม่อยากอยู่ที่อื่น”

“เจ้านางเสียสละเพื่อพี่มามากแล้ว ถึงเวลาที่พี่ต้องทำเพื่อเจ้านางบ้าง”

“ทิ้งบ้านเกิดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย”

“เราจะอยู่ด้วยกันทุกที่”

“โดยไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงเหรอคะ”

ซานแปงคิดทำอะไรบางอย่าง จับมือเจ้านางตองริ้วให้ลุกเดินตามเขาไป

ซานแปงพาเจ้านางตองริ้วเดินมาหยุดอยู่ริมหน้าต่าง ซึ่งมองเห็นบึงน้ำกว้างใหญ่ อีกด้านของบึงเห็นวัดและหลังคาบ้านเรือนสลับซับซ้อนกับหมู่แมกไม้เขียวชอุ่ม

“พาตองริ้วมาทำอะไรคะ”

“มาดูอนาคต” ซานแปงซ้อนตัวกอดเจ้านางตองริ้วจากด้านหลัง เพื่อมองออกไปด้วยกัน

“พระอาทิตย์จะขึ้นหรือตก ดวงดาวจะสว่างไสวหรือมองไม่เห็น พี่จะเป็นท้องฟ้า ภูเขา พื้นดิน และสายน้ำ ที่โอบกอดเจ้านางไว้แบบนี้..ปัจจุบัน และอนาคตที่เรามีกันและกันจะมีแต่ความสุข”

“พี่ซานแปง..” เจ้านางตองริ้วสบตาซานแปงซึ้งใจ น้ำตาคลอ

“ครอบครัวของเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อังกฤษ..เจ้านางจะได้ดูแลเจ้าพ่อ พี่ก็จะดูแลทุกคน”

“ตองริ้วไม่เคยเสียใจที่เลือกพี่ซานแปง”

“เป็นเกียรติของพี่ที่ได้รับความรักจากเจ้านาง”

ซานแปงประทับรอยจูบบนหน้าผากของเจ้านางตองริ้วอย่างแผ่วเบา ทั้งสองสวมกอดกันแนบแน่น ด้วยความรัก

เจ้านางเรืองระยับเดินเข้ามาในห้อง เห็นนางในหอสองคนช่วยกันยกขันเงินใบใหญ่ใส่ดอกลั่นทมลอยน้ำวางประดับบนโต๊ะข้างหัวเตียง โดยมีทองเพ็งคอยกำกับอีกที เจ้านางเรืองระยับชำเลืองมองดอกลั่นทม ใบหน้านิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ปรี่เข้าไปปัดขันเงินทิ้งจนขันกระเด็นไปมุมห้อง น้ำในขันและดอกลั่นทมกระจัดกระจายเต็มพื้น ทองเพ็งรีบพยักพเยิดให้นางในหอทั้งสองรีบออกไป “อย่าเอาดอกลั่นทมมาไว้ในห้องฉันอีก ฉันเกลียดดอกลั่นทมเหมือนเกลียดแพรนวล เกลียด..”

เจ้านางเรืองระยับใช้เท้าบดขยี้ดอกลั่นทมระบายอารมณ์แค้น

“เบาๆ ค่ะ เดี๋ยวใครได้ยิน”

“คนในหอคำเข้าข้างแพรนวล ฉันจะไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น”

“แต่สิ่งที่เจ้านางทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่านะคะ”

เจ้านางเรืองระยับชะงัก คิดตามคำพูดของทองเพ็ง จนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก

เจ้านางเรืองระยับเจ็บช้ำใจเมื่อนึกถึงความหมางเมินของหลาวเปิงที่มีต่อเธอมาตลอด

“ฉันตั้งใจเรียน ฉันเพียบพร้อม แต่หลาวเปิงไม่เคยเห็นฉันในสายตา ฉันรักหลาวเปิงคนเดียว แต่เขาไม่เห็นค่าความรักของฉัน”

ทองเพ็งรับฟังเจ้านางเรืองระยับด้วยความเห็นอกเห็นใจ

“มัวระแวงกรรไกรจนลืมไปว่ากระดาษก็บาดมือ..ฉันไม่คิดว่าแพรนวลเป็นศัตรูหัวใจ แต่มันก็แย่งหลาวเปิงไปได้”

เจ้านางเรืองระยับกำมือจนเล็บแหลมๆ จิกลงไปในเนื้อด้วยความแค้น ทองเพ็งย่อตัวลงข้างๆ ค่อยๆ แกะมือที่กำจิกแน่นของเจ้านายให้คลายออก

“เจ้านางเหนือกว่าทั้งความสามารถและชาติตระกูล จะยอมแพ้ผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ เหรอคะ”

“เรืองระยับไม่เคยแพ้ใคร จายหลาวเปิงจะต้องเป็นผู้ชายของฉัน”

ทองเพ็งดีใจที่เห็นเจ้านายของตนฮึดสู้อีกครั้ง

บุญสิงห์กับพันตรีประกิตมาพบหลาวเปิงกับซานแปงที่หอคำ บอกให้รู้ว่าผลชันสูตรศพทหารที่เสียชีวตในคุกออกมาแล้ว พบว่าคนตายถูกฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกายในปริมาณสูง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนเสียชีวิต

หลาวเปิงสั่งให้ทหารไปตามจายส่วยกับจายคำมาพบเพื่อสอบถาม แต่ทหารบอกว่าทั้งคู่หายไปตั้งแต่วันเกิดเหตุ และเมื่อส่งทหารไปตามที่บ้านก็พบว่าทั้งคู่ถูกฆ่าปิดปากแล้ว

เจ้านางเรืองระยับถอนใจอย่างโล่งอกที่ปลดเปลื้องเรื่องวุ่นวายของเธอออกไปได้ แต่ทองเพ็งกลับไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านาย

“เจ้านางฆ่าคนของท่านอูซอทำไมคะ”

“ความลับเรื่องใส่ร้ายแพรนวลจะต้องคงอยู่ตลอดไป”

“แต่ท่านอูซออาจจะแค้นจายหลาวเปิง”

“แค้นจายหลาวเปิง..แต่ไม่แค้นฉัน เห็นสายตาของอูซอที่มองฉันมั้ย”

ทองเพ็งมองเจ้านางเรืองระยับอย่างไม่เข้าใจ

“เธอคิดว่าฉันจะทนอยู่ที่นี่เพื่อรอแต่งงานกับหลาวเปิงอย่างเดียวเหรอ ในที่สุดแล้วอูซอจะต้องมีอำนาจเหนือเวียงขิน หลาวเปิงยากที่จะต่อต้านอำนาจของอูซอจะทำให้ฉันครอบครองเวียงขินได้ไม่ยาก ลูกเมียรองอย่างฉันจะต้องเหนือกว่าพวกลูกๆ ของมหาเทวี”

“เจ้านาง..”

“ยุคสมัยเปลี่ยนไป ถึงเวลาที่ผู้หญิงจะขึ้นมาปกครองบ้านเมือง ถึงเวลานั้นฉันจะต่อรองกับอูซอภายหลัง”

“แล้วเรื่องจายหลาวเปิงกับแพรนวล”

“เรื่องหัวใจฉันก็ไม่มีวันยอมแพ้ ฉันต้องทวงหลาวเปิงคืนมาให้เร็วที่สุด”

แววตาเจ้านางเรืองระยับเต็มไปด้วยความเกลียดชังแพรนวล

///////////

อ่านย้อนหลัง

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 10

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 9

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 8

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 7

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 6

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 5

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 4

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 3

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 2

บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 1

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน