ตุ๊ก ชนกวนันท์ ควงลูกสาวคนโต น้องแพรว เผยวิธีการเลี้ยงลูกแนวธรรมชาติ ย้อนยุค ไม่ให้ใช้มือถือ ไม่ดูโทรทัศน์ เจอแซะเวอร์ไป

นักแสดงและนางแบบสาว ตุ๊ก ชนกวนันท์ เผยบทบาทซิงเกิ้ลมัมเลี้ยงลูก ๆ น้องแพรว และ น้องภูมิ เลี้ยงลูกแนวธรรมชาติ ไม่ให้ดูทีวี ไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ พร้อมเคลียร์ข่าวบังคับลูกเรียนเสริมหวังดันเข้าวงการบันเทิง ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตุ๊กเป็นไอดอลของแม่ ๆ เลี้ยงลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ในยุคนี้มันยากมาก? ตุ๊ก : “ตุ๊กคิดว่ามันยากเหมือนกัน คือมีคนมาถาม ถ้าทำไม่ได้จะไม่ว่าเลย บางคนบอกว่านี่ฝากไว้กับคุณปู่คุณย่าดูทีวี บอกแกความสัมพันธ์ในครอบครัวสำคัญกว่า ดูก็ดู กลับมาก็อยู่กับเรา ตอนอยู่กับเราเอาให้ดีแล้วกัน ก็จะให้กำลังใจคนอื่นอย่างนี้ ของตุ๊กมันอาจจะง่าย เพราะเป็นครอบครัวเดี่ยว ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ก็จะเปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งวัน เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ของตุ๊กไม่ได้มีอะไรยาก ที่ยากที่สุดคือการทำงานในวงการบันเทิง มันก็สวนทางแล้วกับการจะเลี้ยงเด็กให้แบบใส ๆ”

สไตล์การเลี้ยงลูกแบบตุ๊กขออนุญาตใช้คำว่าย้อนยุคก็แล้วกัน ไม่ต้องมีมือถือ ไม่ต้องมีไอแพด ไม่ต้องดูทีวี? ตุ๊ก : “ใช่ จริง ๆ เริ่มจากอยากให้เขาเป็นเด็กที่มีความสุข ก่อนหน้านี้คำแรก ตุ๊กเป็นเด็กที่แทบจะ 4.00 แต่ก็รู้สึกว่าบางทีตัวเองก็ไม่เข้าใจ เรารู้สึกว่าโลกมันมากกว่านั้น ยิ่งสมัยนี้สำหรับการมีจิตใจที่สตรอง ตุ๊กรู้สึกว่าการเข้าใจชีวิตมันน่าจะสำคัญกว่า อันนั้นคือเขารอด”

ของเล่นที่เป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่มีเหรอ? ตุ๊ก : “จริง ๆ แล้วไม่มี เพราะว่าโลกความจริงมันมีอะไรน่าสนใจเยอะเลย ท่อนไม้ท่อนนึงเขาเล่นวันนี้อาจจะเป็นดาบ เล่นอีกวันก็เป็นคฑาเสกแม่มด อีกวันนึงกลายเป็นเรือ อีกวันนึงเอาท่อนไม้หลาย ๆ อันมาต่อเป็นแพ มันโคตรไม่ปิดกั้นจินตนาการเลย แต่ของเล่นพลาสติกมันบล็อกจินตนาการ บล็อกวิธีเล่นไปแล้ว เล่นก็เล่นเหมือนเดิม ไม่ได้คิดวิธีเล่นเอง”

พี่บ๊วยเห็นเราเลี้ยงลูกแบบนี้ เขาเห็นด้วยไหม? ตุ๊ก : “ถ้าเอาจริง ๆ เราเลี้ยงแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหย่าแล้ว จริง ๆ ต้องยกให้เขานะ เขาเป็นคนตัดสินใจเลือกโรงเรียน คือโรงเรียนแนวเดียวกันกับวิธีเลี้ยง เขาเป็นคนไปบอกคุณแม่เขาว่าหลานไม่ดูทีวีนะ”

เคยมีพ่อแม่ที่ไม่เลี้ยงลูกแบบเรา บอกว่าเราเวอร์ไปหรือเปล่า อันนี้เคยเข้าหูบ้างไหม? ตุ๊ก : “มี ยิ่งใหม่ ๆ ยิ่งเยอะ ดีที่สุดสำหรับตุ๊ก มันอาจจะไม่ดีหรือยังไง แต่ว่าตุ๊กเงียบง่ายสุด เพราะว่าไม่ใช่เป็นคนพูดอะไรแล้วดูน่ารัก ก็เคยคิดว่าถ้าไม่ได้ถาม ไม่ได้สนใจ ก็จะเฉย ๆ”

เป็นครั้งแรกใช่ไหมแพรวที่มาออกทีวี เขินไหม? แพรว : “ค่ะ เขินค่ะ”

วิธีที่แม่สอนเราไม่ดูทีวีเราเข้าใจไหม? แพรว : “เข้าใจค่ะ แต่เวลาแม่ไปทำงานหนูก็แอบดู”

อย่างมือถือเราอยากมีไหม? แพรว : “ก็เพิ่งมาเริ่มอยากมีตอนนี้ หนูก็แอบเล่นของทีมงานเวลาแม่ไปทำงาน”

 

ตุ๊กคิดว่าสักอายุเท่าไหร่ถึงอยากเปิดให้ลูกสัมผัสกับมือถือ ทีวี? ตุ๊ก : “คือยังไงเราก็จะสัมพันธ์กับแนวทางโรงเรียน เพื่อง่าย เพราะว่าการที่เขาจะมีไปถึงโรงเรียน การพูดคุยเลยมันก็จะกระทบเด็กคนอื่น มันก็ควรจะคล้าย ๆ กัน เป็นไปในทางเดียวกัน เพื่อที่เราจะเคารพพ่อแม่บ้านอื่นด้วย อย่างโรงเรียนเดิมที่น้องเรียนโดยประมาณ 15 พอหลัง 15 ถามว่าจำเป็นไหม มันไม่จำเป็น เราก็ไปรับไปส่งตลอด แต่มันอาจจะมีการให้งานบางอย่างที่ใช้ อันนี้เราก็เข้าใจ แต่เนื่องด้วยปีนี้เปลี่ยนแปลงกะทันหัน แพรวเขาก็จะเปลี่ยนแนวโรงเรียนก็เลยไม่รู้ว่า ม.1 ของโรงเรียนใหม่มันมีความจำเป็นต้องใช้มากน้อยแค่ไหน มันก็เลยยังไม่ทราบ”

 

เห็นว่าตอนนี้น้องแพรวเรียนเยอะมาก? แพรว : “เรียนไอซ์สเก็ต ขี่ม้า ไวโอลิน ฮาร์ป เปียโน”

น้องแพรวเป็นคนขอเรียนเองทั้งหมด จริงไหม? แพรว : “บางทีก็ขอเป็นปีเลย เพราะว่าไม่มีตารางลงแล้ว มันเยอะมาก”

แม่ดุไหม? แพรว : “รอบแรกแม่ก็จะเตือน รอบสองบ่น รอบสามก็จะดุ”

ส่วนใหญ่จะโดนดุเรื่องอะไร? แพรว : “ก็เก็บของไม่เรียบร้อย”

ตอนนี้ลูกเริ่มโต เวลาคุย เราคุยในลักษณะเป็นเพื่อนไหม? ตุ๊ก : “เป็นเพื่อนก็เป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่แรก ตอนแรกไม่รู้ตัวจนน้องสาวบอกว่าทำไมแพรวมีสิทธิเลือกทุกอย่างในชีวิตไม่เหมือนเราเด็กเลย เราเพิ่งเห็นตัวเองว่าเราคุยกันแบบนั้น เฮ้ย เป็นไงครูคนนี้โอเคไหม หรือว่าอันนี้อร่อยไหม ร้านนี้เราจะมาซ้ำอีกไหม แต่ยังไงความทรงสิทธิหรือผู้ปกครองเราต้องเป็น เด็กเขายังไม่มีสติสัมปชัญญะ หรือการคิดในเรื่องผิดชอบชั่วดี มันจำเป็นที่เราต้องดูแลเขา เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเพื่อนซะทีเดียว เราต้องดูแลควบคุม ให้ไกด์เขา เป็นหน้าที่พ่อแม่เนอะ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน