จตุรงค์ เผยหมดเปลือกเส้นทางในวงการบันเทิงกว่า 40 ปี เคยเจ้าชู้ระดับตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่หยุดได้เพื่อลูกสาว ใบเฟิร์น พัสกร

เปลือยหมดเปลือก จตุรงค์ โพธาราม กับชีวิตในวงบันเทิงกว่า 40 ปี จากหางเครื่องวงดนตรีสู่ตลกแถวหน้าของเมืองไทย พร้อมเล่าความเจ้าชู้ระดับตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า พร้อมเผยเส้นทางความรักภรรยา กุ้ง กรวิกา ภรรยา ในรายการ “คุยแซ่บSHOW” ที่มีธัญญ่า ธัญเรศ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

โควิดกระทบไหม? จตุรงค์ : “กระทบทุกคน กระทบมากไม่มีใครกระทบน้อย ซึ่งเราก็กระทบเยอะเหมือนกัน เพราะเรามีธุรกิจครัวลุงรงค์ มีร้านอาหาร มีลูกน้อง มีญาติพี่น้อง มีครอบครัว มีอะไรหลาย ๆ อย่าง และรายได้หลักของเราคือการแสดง การเล่นละคร การถ่ายรายการ การทำรายการทีวี รายได้หลักก็หายไปเลย รายได้รองจากร้านอาหารก็หายไปเลย จากที่ร้านครัวลุงรงค์มี 70 โต๊ะ ตอนนี้เพิ่งเปิดได้แค่ 2 อาทิตย์ คนก็ค่อย ๆ ทยอยมา แต่ก็เหลือแค่ 15 โต๊ะ เรื่องรายได้จาก 100 เปอร์เซ็นต์เหลือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเดลิเวอรี่เราไม่มี เพราะอาหารของเราทำส่งไม่ได้ มันไกลมาก ๆ ร้านของเราอยู่ราชบุรี ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องตั้งใจ คือเขาไปเอาบรรยากาศ ไปเอาเซลฟี่ ไปกินอาหารอร่อย”

แล้วลูกน้องทำอย่างไร? จตุรงค์ : “ลูกน้องส่วนใหญ่จะเป็นญาติของเรา 20 คนอยู่ในนั้นหมดเลย แล้วก็มีพาร์ทไทม์เสาร์-อาทิตย์ เราก็ให้พาร์ทไทม์หยุดไปก่อน”

แต่ก่อนหน้านี้เราก็เลยลำบากมาก่อน? จตุรงค์ : “ก็ใช่ เรามีกระเป๋าใบเดียวออกจากบ้าน ไปเผชิญโลกที่กรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือเปล่า ตอนที่ตัดสินใจมากรุงเทพฯ ตอนอายุ 19 ปี เรามาคนเดียว หนีพ่อแม่มาเพราะเขาไม่อยากให้เรามา ที่เรามากรุงเทพฯ เพราะอยากเป็นนักแสดง อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นอะไรก็ได้ที่อยู่ในวงการบันเทิง อยากเป็นคนดัง มีคนรู้จัก เพราะคิดว่าน่าจะมีรายได้ดีก็มาอยู่วงลูกทุ่งมาเป็นหางเครื่อง คือสมัยก่อนวงดนตรีลูกทุ่งจะมีหางเครื่องทั้งผู้ชายและผู้หญิง เขาก็รับแล้วก็สอนเรา ได้ค่าตัววันแรก 60 บาท ก็ดีใจเพราะเราไม่มีเงินเลย แต่ที่บ้านไม่รู้ว่าเราลำบาก เราปิดบัง เพราะถ้าบอกแม่ต้องให้เรากลับบ้านแน่นอน ซึ่งที่บ้านก็รู้ว่าเราหนีออกจากบ้าน หลังจากที่หนีออกมาแล้ว 1 เดือน เราเขียนจดหมายกลับไป ต่อจากนั้นเราก็อยากเป็นตลก เพราะตลกค่าตัว 350 บาท ส่วนหางเครื่องค่าตัว 80 บาท ก็เลยอยากเป็นตลก เลยไปตีสนิทกับพี่ชูษี เชิญยิ้ม มุกแรกที่ได้เล่นคือเราต้องทาหน้าขาว ไปเชิดหนังตะลุงแต่เราเล่นไม่ได้เรื่องหรอก เราก็จำเขามา ที่ได้เล่นเพราะตลกขาดก็เลยได้เล่น หลังจากนั้นเราก็เล่นได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยได้เล่นเรื่อย ๆ ส่วนมุกแจ้งเกิดคือมุกกะเทย แต่ก่อนคนที่เล่นเป็น กะเทยจะแต่งหน้าทุเรศ แต่เราแต่งสวยเลย เรียกว่าเรายังไม่ดังแต่มีคนรอดู”

หลังจากได้เป็นตลกค่าตัวอัพขึ้นเท่าไหร่? จตุรงค์ : “ตอนที่เล่นตลกกับวงดนตรีได้ 350 แล้ว แต่พอเล่นคาเฟ่ ได้ 2,500 บาท 3,000 บาท บางวันได้ 4500 บาท วันหนึ่งเล่น 7 ที่ ตอนนั้นยังไม่ได้ออกทีวีเลยก็มีบ้านมีรถแล้ว”

ที่คิดมุกแต่งหญิงเพราะอยากเข้าหาผู้หญิงใช่ไหม? จตุรงค์ : “สมัยก่อนมันมีเรื่องแบบนี้เข้ามาในโลกของเรา มันมีผู้หญิงคิดว่าเราเป็นกะเทยจริงหรือเปล่า แล้วผู้หญิงเหล่านั้นเป็นนักร้องคาเฟ่ เขาก็เลยอยากจะลองว่าเราใช่กะเทยจริงไหม ถ้าเป็นกะเทยก็โอเคจบไป ถ้าไม่ใช่ ก็ค่อยว่ากันอีกที ก็มีมาให้พิสูจน์หลายคน เขาก็บอกว่าเราไม่ได้เป็นกะเทย คือชีวิตเราส่วนใหญ่เจอแต่นักร้องคาเฟ่ เจอแต่คนกลางคืน”

สมัยก่อนเจ้าชู้มาก? จตุรงค์ : “ก็หนักมาก สมัยก่อนไม่มีมือถือ เราต้องโทรศัพท์สาธารณะ ก็ต้องมีเหรียญเป็นกำมือแล้วก็ไล่โทรทุกวัน คือทุกวันเราต้องได้ แต่เราไม่ได้คบจริงจังเรียกว่าวันไนท์สแตนด์ก็ได้”

มามีเมียเป็นตัวเป็นตนตอนไหน? จตุรงค์ : “ก็ช่วงเป็นตลก คือเราต้องไปแต่งหน้าทำผมที่ร้าน ก็เห็นลูกจ้างที่ร้านคนหนึ่งน่ารัก นิสัยดี ไม่พูดเยอะ เราก็หลอกล่อเขาจนได้ ถามว่าตอนนั้นคิดว่าคนนี้ไหมคือแม่ของลูก เราก็ยังไม่คิดถึงตรงนั้น ยังคิดว่าไม่น่าจะใช่คนนี้ เพราะเรายังสนุกของเราอยู่ ถามว่านานไหมกว่าจะตกลงเป็นแฟนกันก็นานพอสมควร ก็ตกลงอยู่ด้วยกัน เราก็ให้เขาอยู่บนห้อง เขาก็นอนรอเราทุกวัน บางทีเรากลับบ้าน 10 โมงเช้า ขนาดมีใบเฟิร์นแล้ว เราก็ยังกลับ 10 โมงเช้าอยู่เลย แต่ไม่ใช่ทุกวันนะ”

ภรรยาว่าบ้างไหมที่เราผู้หญิงเยอะ เจ้าชู้? จตุรงค์ : “เขาไม่เคยว่าเรา เราก็ได้เต็มที่ไง แต่เขาจะร้องไห้ ร้องทีไรเราจะไปไม่เป็นเลย”

อะไรที่ทำให้เพลา ๆ เรื่องผู้หญิง? จตุรงค์ : “มีช่วงหนึ่งที่แม่กุ้งบุกไปเคาะห้อง เพราะเขาอยากจะเห็น มีคนพูดกับเขาเยอะว่าเราไม่ธรรมดานะ ที่เขาบุกไปเพราะเขาไม่เชื่อว่าเรามีผู้หญิงอื่นปรากฎว่าบุกไปแล้วเจอ เขาก็น้ำตามาแล้วก็หันหลังกลับไป เราก็ต้องรีบไปขอโทษ ไปง้อว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แต่พรุ่งนี้เราก็ทำอีก จน ณ วันหนึ่ง เฟิร์นเริ่มโตเป็นสาวเราก็คิดได้ว่า พอเถอะเพราะลูกเราเริ่มเป็นสาวแล้ว”

ตอนที่มีผู้หญิงเยอะ ๆ เราเข้าวงการบันเทิงหรือยัง? จตุรงค์ : “ก็มีงานที่จอทีวีบ้างแล้ว ตอนนั้นจตุรงค์ มกจ๊ก ไม่เอาไม่พูดกำลังดัง ผู้หญิงเข้ามาหนักกว่าตอนอยู่คาเฟ่อีก หนักสุดคือไม่กลับบ้าน 3 วันก็เคยมาแล้ว ส่วนที่มีเป็นตัวเป็นตนก็เคยมี แต่พอภรรยาน้ำตาไหลเราก็ต้องจบ เพราะเราสงสารเขา ตอนที่เขาร้องไห้”

แล้วเฟิร์นว่าอย่างไรบ้าง? จตุรงค์ : “ตอนเด็กเฟิร์นไม่รู้ เฟิร์นไม่เข้าใจหรอกว่าผู้ชายเจ้าชู้เป็นอย่างไร และพอเฟิร์นโตขึ้นมาเราก็เลิกเจ้าชู้แล้ว เขาก็รู้แค่ว่าพ่อเคยเจ้าชู้เท่านั้นเอง”

เป็นไปได้หรือที่ผู้ชายจะเลิกเจ้าชู้? จตุรงค์ : “เป็นไปได้ มันบวกหลาย ๆ อย่าง ประเด็นแรกคืออายุเยอะขึ้น สมรรถภาพทางเพศไม่เหมือนเดิม เราเริ่มเบื่อ ๆ ตอนนั้นอายุ 45 ปี เราก็เลยคิดว่าเลิกดีกว่า ประเด็นที่สองเวลากลับบ้าน เห็นลูกสาว ลูกชาย และภรรยา นอนอยู่แล้วก็คิดได้ว่า 3 คนนี้เขารอเราอยู่ แล้วเราจะยังทำตัวเหลวแหลกอีกเหรอ ลูกสาวก็เริ่มจะเป็นสาวแล้ว ถ้าเราทำอะไรไม่ดี ลูกสาวจะอายไหม ก็เลยเลิกผู้หญิง พร้อมกับเลิกเหล้า ชีวิตก็มีความสุข และที่สุขที่สุดคือเห็นหน้าลูกเห็นหน้าเมีย ภรรยาเขาก็ยังนิ่งอยู่ เราก็เลยไม่รู้ว่าเขายังไง นี่เราก็ทำติดต่อกันมา 15 ปีแล้ว”

พอลูกเริ่มโตเราสอนลูกอย่างไรบ้าง? จตุรงค์ : “สอนไปลูกก็ไม่ฟังหรอก ถามว่าเราเริ่มเห็นแววลูกสาวตอนไหน ตอนเฟิร์นเด็ก ๆ เราก็เขาพาเขาขึ้นเวทีตอนอยู่คาเฟ่ เรียกว่าเราก็เห็นแววเขาตั้งแต่นั้น”

ลูกสาวเข้าวงการบันเทิงแล้วแอบจิตตกเพราะคนเม้าธ์ว่าพ่อดัน? จตุรงค์ : “คือเฟิร์นไม่แฮปปี้ที่คนเรียกเขาว่าเป็นลูกตลก เข้าวงการได้เพราะพ่อดัน เขาก็นอยด์ เราก็ได้แต่บอกเขาไปว่ามันเลือกไม่ได้ ก็ให้ทำอะไรก็ได้ให้คนเห็นความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่พอเป็นลูกตลกแล้ว มุกหรือคำพูดก็ยังเล่นเหมือนพ่อ แต่เฟิร์นได้นะ เพราะเฟิร์นกับเราเล่นกันคนละทาง มันไม่เหมือนกัน”

ภูมิใจกับลูกสาวคนนี้ไหม? จตุรงค์ : “เราไม่เคยบอกเขาเลยว่าเราภูมิใจเขามากที่สุด แต่เราภูมิใจตัวเขาที่เขารับผิดชอบตัวเอง ทำงาน หาเงินมาซื้อบ้าน เอาเงินให้แม่ ผ่อนรถ ทำโน่นทำนี่ ทำทุกอย่าง ภูมิใจที่สุดคือเฟิร์นไม่เละเทะ ไม่ชอบเที่ยว ไม่ติดยา พูดตร งๆ ว่าเรากลัว ยิ่งเป็นลูกผู้หญิงถ้าทำอะไรไม่ดีขึ้นมามันจบเลย”

ไม่อยากมีโมเมนต์สวีตกับลูกเหรอ? จตุรงค์ : “ทำไม่เป็น ขนาดโมเมนต์สวีตกับภรรยาเรายังไม่เคยทำเลย ขนาดจับมือ หอมแก้มภรรยาเรายังไม่เคยทำให้ใครเห็นเลย”

ถ้าไม่เคยวันนี้ขอโหมดซึ้ง ๆ ได้ไหม? จตุรงค์ : “กุ้งฉันรักเธอมาก แต่ฉันไม่อยากจะพูดให้เธอเหลิงแต่ฉันก็รักเธอจริง ๆ นะ ตอนนี้ฉันกำลังสร้างบ้านให้เธออยู่ แข่งกับบ้านเฟิร์น ปลูกข้าง ๆ ครัวลุงรงค์เพื่อเธอเลยนะ เพราะว่าฉันรักเธอนะกุ้ง”

คลิปสัมภาษณ์ จตุรงค์ โพธาราม

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน