มาริสา วอนรัฐบาลดูแลด่านหน้าสู้โควิด ถ้าสาธารณสุขล่มจะล่มทั้งประเทศ ฟาด #รัฐบาลเฮงซวย เหตุท้อการบริหารจัดการที่ไม่เข้าที่เข้าทาง

หลังจากที่ มาริสา อานิต้า ดารา-นางแบบชื่อดัง ออกมาโพสต์อินสตาแกรมเรียกร้องรัฐบาลฉีดไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นด่านหน้าสำคัญที่ต้องสู้กับโควิด พร้อมติดแฮชแท็ก #รัฐบาลเฮงซวย ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด มาริสา ได้เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงเจตนาที่ออกมาโพสต์และติดแฮชแท็กร้อนแรงดังกล่าว พร้อมกันนี้เจ้าตัวยืนยันประเทศที่ถูกเรียกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็น ลั่นไม่กลัวกระทบงานเพราะตั้งแต่เกิดโควิดก็ไม่มีรายได้จากงานในวงการเลย

ล่าสุดออกมาโพสต์เรียกร้องรัฐบาลฉีดไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์? “จริงๆ สามองว่าวัคซีนทุกตัวมันก็มีข้อดีข้อเสียเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าบุคลากรทางการแพทย์เขาต้องดูแลประชาชนที่เจ็บป่วย เขาควรจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดก่อนคนอื่น”

“สาไม่ได้มองว่าที่ฉีดไปแล้วประสิทธิภาพดีหรือไม่ดีอันนี้เราไม่รู้ เพราะว่าวัคซีนทุกตัวมันก็ยังเป็น Emergency Use อยู่ ยังไม่ได้ผ่านการทดลองเยอะแยะมากมายจนคอนเฟิร์มได้ว่าอันไหนมันดีที่สุดมันก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน เพียงแต่ว่าอะไรที่มันดีกว่าหรือคนส่วนใหญ่มองว่ามันดีที่สุด เราก็ควรจะปกป้องคนของเราให้ได้ดีที่สุดก่อน”

“ไม่งั้นถ้าบุคลากรทางการแพทย์เป็นอะไรไป แล้วคนอื่นๆ หรือระบบสาธารณสุขอื่นๆ ทุกคนก็จะลำบากกันไปหมด เป็นห่วงทุกคนตรงนี้มากกว่า เลยรู้สึกว่าถ้าเราได้มาแล้วเราก็ควรจะใช้ในทางที่ถูกต้อง ถูกคน และถูกเวลาน่าจะดีที่สุดสำหรับตอนนี้ค่ะ”

“สาคิดว่าเราต้องดูแลพวกเขาเพราะเขาทำงานเหนื่อย ทุกคนเหนื่อย สาเองก็มีเพื่อนมีรุ่นน้องที่เป็นพยาบาลที่ทำงานอยู่ด่านหน้า ทุกคนก็ไม่ได้กลับบ้านไปหาครอบครัว ทำงานไปก็กลัวไปว่าตัวเองจะไม่สบายหรือเปล่าเพราะเขาก็ต้องมีคนข้างหลังที่ต้องดูแล ไม่ได้กลับบ้านกันเป็นเดือนๆ อ่ะค่ะ ถ้าเรามีกำลังที่จะต้องดูแลเขา เราก็ควรจะต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดก่อน แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เขารอไม่ได้เพราะคนป่วยมาทุกวัน”

แอบตกใจตรงติดแฮชแท็ก #รัฐบาลเฮงซวย ด้วย? “จริงๆ ถ้าคนที่ตามทวิตเตอร์ก็จะเห็นว่ามีลงอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ว่าสาไม่ได้มองเรื่องของผลประโยชน์ สามองว่ามันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรจะต้องได้รับ ในเมื่อทุกคนเสียภาษี ทุกคนก็กลัวกับโรคระบาด เราก็ต้องเชื่อมั่นว่าต้องมีคนดูแลเราได้”

“แต่เมื่อการจัดการบางอย่างไม่ดีประชาชนทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้ ไม่ได้ออกมาต่อว่าหรือว่าใช้ถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย เพียงแต่เราแสดงความคิดเห็นว่าอันนี้เขาควรจะทำนะ ซึ่งสุดท้ายแล้วการตัดสินใจมันก็อยู่ที่ทางโน้นอยู่ดี เพียงแต่ว่ามันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่เรามองว่ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือว่าไปกระทบกระเทือนจิตใจใคร”

แฮชแท็กนี้มาจากความรู้สึกที่เราอัดอั้นใช่ไหม? “สาให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ ว่าเขาควรจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเพราะว่าเขาเสี่ยงทุกอย่างเพื่อเรา บางทีพอเราเห็นข่าวบางอย่างออกมาเราก็รู้สึกว่าเฮ้ย! ทำไมอ่ะอย่างนั้นมากกว่า เราก็ไม่รู้จะบ่นอะไร มันก็คงเป็นอย่างนี้จริงๆ”

“สาเชื่อว่าหลายคนก็คงรู้สึกเหนื่อยท้อกับการบริหารจัดการบางอย่างที่ไม่เข้าที่เข้าทางสำหรับสถานการณ์ ณ ตอนนี้ที่มันเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโควิดหรือเรื่องของโรงงานที่ระเบิดอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกัน ทุกอย่างมันช้าเกินไปอ่ะค่ะ ถ้าทุกคนสามารถตัดสินใจอะไรที่มันรวดเร็วกว่านี้ทุกอย่างน่าจะดีกว่านี้”

เวลาที่ออกมาตั้งคำถามหรือว่าเป็นอีกหนึ่งเสียงเกี่ยวกับเรื่องที่มันมีการพาดพิงไปถึงรัฐบาล ดาราหลายคนกลัวว่าจะมีผลกระทบมาถึงหน้าที่การงาน? “ด้วยตัวสาเองเป็นนักแสดงอิสระ 2ปีที่โควิดมาเนี่ยสาไม่มีงานเลย ไม่มีงานแสดงเลย งานอีเวนต์ไม่ต้องพูดถึง รีวิวอะไรก็ไม่มี 2ปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้เลย”

“รายได้หลักของสาหลักตอนนี้คือการไปฝึกน้องหมาตามบ้าน ซึ่งรายได้ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย แล้วแต่ว่าเดือนไหนลูกค้าเยอะลูกค้าน้อย เลยไม่ได้กังวลว่ามันจะทำให้งานเราแย่ลง สามองว่าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยที่เขาบอกว่าเราเป็นระบอบประชาธิปไตย นั่นแปลว่าเรามีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นหรือออกเสียงกับการบริหารงานของรัฐบาล”

“แต่สาก็ไม่ได้ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่ได้รุนแรงซะจนแบบว่าอ่านแล้วเกินจะรับไหว หรือว่ามีทัศนคติในแง่ลบไม่ได้แปลว่าทุกอย่างที่เขาทำแล้วมันไม่ดี มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ว่าตรงไหนที่มันมีข้อเสียสามองว่าเราก็มีสิทธิ์เพราะเราก็เสียภาษี”

“เรามีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นว่าอันนี้ไม่ดีมั้ง ทำไมไม่ทำแบบนี้ล่ะ ทำไมไม่มองภาพกว้างกว่านี้ แค่นั้นอ่ะค่ะ สามองว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดสิทธิพื้นฐานของการเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศประชาธิปไตย”

ปมปัญหาวัคซีนไม่จบไม่สิ้น? “มีทุกวันอ่ะค่ะ สามองเป็นกลางๆ ว่าแล้วแต่ใครจะเลือกอะไรแบบไหน แต่เรื่องทางการแพทย์เป็นเรื่องใหญ่ พอมีโรคระบาดระบบสาธารณสุขน่าจะเป็นระบบที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ณ ตอนนี้ ถ้าระบบนี้ล่มรับรองว่าล่มกันหมด ความยากลำบากทุกคนลำบากแหละตอนเนี้ย แต่ถ้าสาธารณสุขล่มมันล่มทั้งประเทศแน่นอน”

อัพเดตเหตุการณ์ไฟไหม้ทราบว่าบ้านก็อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุระเบิด? “สามองว่าไม่ค่อยเสี่ยงนะคะ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10.8 กิโลเมตร เรียกว่ายู่ในระยะเฝ้าระวังดีกว่า เมื่อกี้ก็เพิ่งกลับมาจากสุขุมวิทเข้าบ้านมาก็พยายามดมสูดอากาศแถวบ้านว่ามีกลิ่นอะไรอย่างนี้หรือเปล่า”

“ถ้ามีกลิ่นอาจจะต้องเก็บน้องหมา คือตัวเราไม่ได้ห่วงมาก แต่กลัวน้องจะได้กลิ่นสารเคมี ซึ่งมันก็ไม่ค่อยโอเค แล้วก็ห่วงเพื่อน อีกอย่างสามีลูกค้าที่ฝึกน้องหมาหลายท่านก็อยู่แถวนั้นกันเยอะ ไลน์ไปถามกันบ้าง แล้วสาก็จะอยู่ในกรุ๊ปน้องหมาจะคอยช่วยประชาสัมพันธ์ว่ามีโรงแรม โรงพยาบาลสัตว์ หรือว่าที่ไหนที่คอยรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงเข้ามาดูแลก่อนชั่วคราว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน