ไนท์ ธนสร ติดโควิดปอดทะลุ สั่งเสียพ่อแม่ วินาทีทรมาน

ไนท์ ธนสร – ปลงชีวิต ถึงขั้นสั่งเสียพ่อแม่ และญาติพี่น้อง ไนท์ ธนสร เลิศลาภวรางกูล ผู้บริหารบริษัทเอ็นดูเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ติดโควิดอาการหนัก ปอดทะลุ พักรักษาตัว 45 วัน หวิดสิ้นชื่อ ปลงกับชีวิตอาจตายได้ทุกเวลา

โดย ไนท์ ธนสร ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์เผยถึงการติดโควิด-19 อาการทรุดหนัก ถึงขั้นปอดเป็นรูว่า “ก่อนที่จะเป็นโควิดผมก็ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโควิด คือผมไปตากฝนที่บริษัทครับ แล้วก็เป็นไข้เกือบ 10 วัน

จนสุดท้ายทานยาทุกอย่างแล้วมันไม่หาย แล้วมันก็เวียนหัวอยู่ตลอดเวลา เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ! ทำไมมันทั้งตัวร้อน ทั้งโลกหมุน จนญาติผมที่เป็นหมอ ชื่อคุณจอมใจ วิจิตรานนท์ เขาก็บอกว่าให้มาที่รพ.บำรุงราษฎร์ มาฉีดยา เขาบอกว่าอาจจะเป็นไข้เลือดออก หรือ ไข้หวัดใหญ่ เราก็เลยไป

พอไปถึงหมอเขาก็ตรวจเลือด และเข้าห้องไอซียู พอตรวจเสร็จเขาบอกเป็นโควิดร้ายแรง ก็ต้องหาห้องตอนนั้นเลย ซึ่งหมอบอกว่ามาหลังจากนั้นอีกสักวัน สองวันก็จะไม่รอดแล้ว เพราะว่ามันหนักมากครับ”

ช่วงที่เป็นหนัก อาการโควิดมันไปแสดงออกภายในร่างกาย หรือ ภายนอกร่างกาย? อาการที่ผมเป็นโควิดคือเราจะตัวร้อนจี๋เลย แล้วก็โลกหมุน บ้านหมุน เวียนหัวมาก นั่งยังไม่ได้เลย ทานอะไรก็อาเจียน ลุกขึ้นยืนไม่ได้เลย ซึ่งตอนนั้นผมนึกว่าตัวเองเป็นแค่ไข้หวัด ผมเลยถ่ายคลิปไว้ แต่พอผมเข้าไปในกระบวนการเมื่อเป็นโควิดแล้ว เหมือนร่างกายมันรับรู้ว่าเราเป็นโควิด มันแย่ลงกว่าเดิมอีก

ซึ่งในวันที่ผมตรวจว่าเป็นโควิดปุ๊บ วันนั้นทางรพ.บำรุงราษฎร์ก็เลยรีบหาห้องให้ เราก็เลยได้ห้องโดยความร่วมมือจากคุณหมอหลายๆ ฝ่าย พอเราได้ห้องขึ้นมา อาการที่เราตัวร้อนมันร้อนหนักกว่าเดิม เชื่อไหมว่าผ้าห่มที่ใหญ่ๆ และเตียงที่ใหญ่ๆ พยาบาลเปลี่ยนให้ผมประมาณ 4 รอบ คือเราห่มผ้าปุ๊บ ผ้าห่มเปียกเลยครับ

ซึ่งอาจจะเป็นผลตอนที่เราเพิ่งเป็น แล้วคุณหมอให้ยาด้วย เปียกแบบตัวฉ่ำ เหมือนฝนตกเลย เราก็นอนไม่หลับ และเวียนหัวมาก เอาตรงๆ 2-3 วันแรกผมว่าผมไม่รอด แล้วก็โทรไปลาทุกคนหมดแล้ว สั่งเสียหมดแล้ว หลายๆอย่าง”

โควิดสายพันธุ์อะไร? “ผมไม่ทราบเรื่องสายพันธุ์ด้วย แต่คุณหมอเขาก็แจ้งสายพันธุ์มาแหละ แต่ว่าผมจำไม่ได้จริงๆครับ แล้วตอนนี้อย่างที่เห็น เราต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลา คือออกซิเจนมันต่ำ ถ้าผมจะออกไปข้างนอกหรือเวลานอนก็ต้องมีเครื่องออกซิเจนตลอดเวลาครับ”

ได้ยินว่ามีอาการเชื้อลงปอดแบบทะลุเลย มันรุนแรงแค่ไหน? “ใช่ครับ เวลาผมเจอหมอเขาก็จะให้เข้าอุโมงค์ไปเอ็กซเรย์หรือก่อนที่เราจะรู้ผลว่าเป็นโควิดก็ต้องตรวจหมดว่าร่างกายเราเป็นยังไง ซึ่งวันที่ตรวจวันแรกปอดเรามีปัญหาแล้ว มีรูแล้ว

เราก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอหลังจากที่เราเป็นโควิดได้ 5-10 วันแล้วมาตรวจอีกที มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แล้วปอดของเราก็ใสแจ๋วเลย ซึ่งผมงงว่าผมไม่เคยสูบบุหรี่นะ ผมไม่ได้ทานเหล้า แล้วทำไมมันเป็นแบบนี้

เขาบอกว่าเชื้อมันลงปอด คือตอนนี้ผมหายใจไม่ได้ พูดผมก็เจ็บปอด แล้วผมก็เหนื่อยมากด้วย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่แค่เราพูดเราจะเหนื่อย แค่เดิน 4 ก้าว ผมก็ทรุด ไม่ไหวแล้ว คือมันเจ็บปอด หายใจไม่ออก ถ้าหายใจไม่ออกผมก็จะสลบ และเวียนหัว คุณหมอ พยาบาลก็จะมาช่วยตลอด ที่นี่ดีมาก เขาจะดูแลครับ”

“ตอนนี้ในเรื่องของโควิดผมหายแล้ว ผมหายตั้งแต่ 10 วันแรกผมหายแล้ว แต่ตอนนี้รักษาเรื่องปอดกับรักษาอาการ เขาเรียกกันในศัพท์แพทย์ว่าลองโควิด คือผลที่ตามมาครับ ตอนนี้ผมทานอาหารไม่อร่อยเลย ไม่ได้รสชาติอาหาร กินปุ๊บมันกลายเป็นเค็มปี๋เลยครับ เค็มปี๋จนผมไม่อยากทาน เผ็ดก็กินเผ็ดเป็นกำๆเลย ไม่รู้รส กลิ่นก็ไม่ได้กลิ่นอีก นอนก็ไม่หลับ

คุณหมอก็พยายามจะให้ยาคลายเครียด ให้ยานอนหลับมันก็ไม่หลับ บางที 2-3 เม็ด บางครั้งไม่หลับบ้างก็มี อาการต่อมาคือมีเวียนหัว แล้วก็จะมีอีกเรื่องสำคัญเลย อยู่ดีๆมันหลงๆ ลืมๆ บางทีเราตื่นเช้ามาเราจำไม่ได้ว่าเมื่อวานเราสั่งอะไรไป คุยกับใครไป มันเพิ่งเริ่มเป็นครับ”

กำลังใจดีไหม? “ต้องย้อนกลับมาแรกๆ กับที่บ้านเราก่อน เผอิญผมอยู่คนเดียว แล้วคุณแม่ น้องๆ ก็อยู่อีกบ้านหนึ่ง มันเหมือนเราเคว้งครับ 3-4 วันแรกเคว้งว่าเราจะรอดไหม แล้วอาการมันหนักจริงๆครับ ผมไม่อยากให้ทุกคนเป็น มันหนักมากครับ ถ้าคุณเป็นแล้วใจคุณไม่แข็งนะ ผมใช้คำว่าฆ่าตัวตายเลยนะ

กำลังใจที่ผมได้มาจากเพื่อน พี่ๆ ที่เขารู้ เขาก็ไลน์มาบอก เพราะผมคุยไม่ได้ ตอนนั้นผมมีออกซิเจนครอบปากอีกทีหนึ่ง กำลังใจก็จะมาจากพี่ๆ ว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวหายเจอกัน ทั้งคุณแม่ พ่อ น้อง ญาติ แม้กระทั่งคุณหมอหรือพยาบาลก็ให้กำลังใจ มันทำให้รู้สึกว่าอย่างน้อยมันก็ยังมีหวัง”

ตอนนั้นจิตตกไหม ได้ยินว่าสั่งเสียไว้เรียบร้อย? “ใช่ หลายสิ่งหลายอย่างตอนนั้นมันดูแล้ว ไม่น่ารอด คิดดูซิไม่ได้นอน 2-3 วันแล้วก็โลกหมุนเวียนหัวตลอดเวลา ตัวร้อนจี๋ตลอดเวลา ทานอะไรไม่ได้ หายใจก็ไม่ได้ แล้วจะเป็นยังไง คือทุกสิ่งทุกอย่างมันทรมานครับ ผมก็ไม่อยากอยู่แล้ว เลยคิดว่าตายก็ตายแล้วกัน ไม่ไหวละ เลยต้องต้องโทรไปสั่งเสีย อย่างแม่พ่อ เพื่อนฝูงว่าจะลาแล้ว ไม่อยู่แล้วนะ

ผมไม่ไหว คือถ้ามันตายก็ปล่อยไป มันไม่ใช่เราฆ่าตัวตายนะ เราปล่อยให้มันตายธรรมชาติไปเลย ผมบอกเลยตอนแรกที่เป็นโควิด ที่ผมดูจากข่าวตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนท้อ ทำไมคนไม่ไหว ทำไมบางคนทรมาน ทำไมบางคนร้องไห้ ของผมเป็นหมดแล้วครับ พอเรามาเป็นเราถึงรู้เลยว่าทรมานมากๆ

ฉะนั้นตอนนี้ผมเริ่มหาย และดีขึ้น ผมก็อยากไปช่วยคนอื่นบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ช่วยนะ แต่อาจจะไม่ได้มากมาย แต่ตอนนี้อยากจะไปช่วยคนที่ยังไม่เป็น เพราะมันมีวิธีสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเป็น หรือยังไม่เป็น เราควรทำตัวยังไง รักษาสุขภาพยังไง ทานอะไร เราก็ศึกษาแล้ว หรือคนที่เป็นแล้วควรจะทำอะไร อย่างตอนนี้เรารู้ว่าเราเป็นอะไรก็พยายามประคอง

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงได้บ้าง เพราะตอนนี้ถามว่าผมหาย แต่ก็ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะรอดนะ คือหายจากโควิด แต่ปอดของผมมันยังไม่ได้ มันก็จะมีวัดผลอีก 2-3 เดือน หมอก็เรียกไปสแกนตลอด ยาผมก็ให้มาเป็นปึกเลย เดือนหนึ่งเป็นแสนๆ ผมก็ยังคิดว่าจะรอดไหมเนี่ย คิดอยู่ทุกวันเลย แล้วมันไปลำบากตรงที่ไปไหนไม่ได้ เดินไปตรงไหนก็เหนื่อย แล้วเจ็บปอด”

ถ้าหายแล้วปอดจะสามารถกลับมาใช้งานเหมือนเดิม? “ได้ครับ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร ตอนนี้ต้องรอระยะเวลา ทานยา ทานอาหารที่ดี พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะว่าถ้าออกกำลังกายมากๆ หักโหมก็ไม่ได้ สรุปเลยหมอให้พักผ่อน เท่ากับไปไหนไม่ได้ มันก็เหมือนเราไม่ได้ทำอะไร อยู่บ้าน นอกจากเราทานยา ทานอาหารให้ดีๆ

นี่คือเบื้องต้นที่ผมทราบนะ แต่คุณหมอดีมาก รพ.บำรุงราษฎร์ หรือ ไอ แอม คลินิก ที่เขาดูแลผมอยู่ เขาโทรเช็กเรื่องอาการทุกวันเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ผมก็รู้สึกว่ามันดีเลย มันทำให้ผมมีความรู้มากขึ้นในการรักษาสุขภาพ เพราะว่าเมื่อก่อนผมไม่รู้ครับ ยาเขาให้มาผมก็กินหมดเลย”

ค่าใช้จ่ายเยอะ? “เยอะมากครับ รัฐเขามีช่วยครับ ก็ช่วยได้ประมาณ 80,000-120,000 มั้งครับ ก็ยังดีที่ช่วยแหละ”

แต่เราก็จ่ายเองเพิ่ม? “ใช่ เพราะเราเองนอนบำรุงราษฎร์ เดอะเบสต์ของโรงพยาบาลพอสมควรเลย เขาก็ดูแลดี ค่าใช้จ่ายมันก็ต้องสูง แล้วยาที่เราทานมันก็ดีด้วย ค่าใช้จ่ายมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น”

งานที่หยุดมาช่วงป่วย มีกังวลไหม? “เอาตรงๆ จากใจเลย ตอนที่รู้ว่าเป็นโควิดมันทิ้งหมดแล้ว คือโทรไปสั่งเสียว่าแม่ครับ เงินอยู่ตรงนี้นะครับ แม่ครับมีธุรกิจตรงนี้นะครับ แม่ครับน้อง-พ่อ เป็นแบบนี้นะครับ แล้วก็โทรหาคนสนิทว่าธุรกิจเป็นแบบนี้นะ คุณเอาไปให้หมดเลย รถอยู่ตรงนี้ เอาไปเลย คือไม่สนใจอะไรแล้ว เลยโชคดีตรงที่ว่ามีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆช่วยทำงานแทนให้ในเรื่องของธุรกิจ

เราไม่ได้คิดเลย คือคนเวลาจะตายหรือมันจะปลงผมว่าหลายๆ คนอาจจะเป็นเหมือนกันมั้ง คือมันไม่คิดแล้ว ไม่อยากได้อะไรแล้ว เงินทองหรือว่ารถ บ้าน ธุรกิจ ผมไม่อยากได้อะไรแล้ว ถึงตอนนี้ผมจะหาย ถามว่าความปลงก็มีแล้ว รู้สึกว่าเรามองอีกแบบแล้ว เราว่าคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา หรือคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ

เรากำลังคิดอยู่ว่าเราจะช่วยยังไง เพราะผมว่ามีคนที่ลำบากจากผลกระทบเรื่องโควิดที่ยังไม่เป็นก็ดี หรือเป็นก็ดี บางทีญาติเขาเป็นแต่ก็ไม่มีตังค์ ต้องทำยังไงเนี่ย ถ้าผมสามารถช่วยได้ก็จะทำเหมือนกัน”

ก่อนหน้านี้เคยยกเลิกกองถ่ายหนัง เพราะกัสจังติดโควิด คิดว่าเราไม่ได้ติดจากกองถ่าย แต่ติดจากฝนใช่ไหม? ใช่ๆ เพราะว่าตอนที่กัสจังเป็นที่เขาเข้ามาที่บริษัท ผมไม่ได้เป็นเลย คือทั้งบริษัทผมก็ให้พนักงานไปคลีนหมดเลย ไปฉีดยา ไปตรวจ ก็ไม่มีใครติดกัสจังเลยสักคนเดียว แล้วที่บริษัทก็คลีนไป 2-3 รอบ ทุกวันนี้ก็ยังคลีน คลีนทุกอาทิตย์เลย

แต่ผมว่าจากที่คุณหมอบอกนะครับว่าเราร่างกายอ่อนแอมันก็เลยมาด้วยแหละ ไม่ได้ติดจากใคร เพราะว่าผมก็ไม่ได้เจอใคร ถามว่าทำงานที่บริษัทไหมก็ไป แต่ป้องกันเยอะมาก ยากมากเลยที่โควิดจะติดผม แต่มันบังเอิญเข้าตอนที่เราอ่อนแอ คือเราเป็นไข้จากที่บอกครับ”

ฉีดวัคซีนครบไหม? ตอนนั้นไม่ได้ฉีดครับ แต่ก็รอวัคซีนอยู่เหมือนกัน คือไปลงชื่อรอวัคซีน แต่วัคซีนก็ไม่ได้เหมือนกันจากหน่วยงาน ทำให้เราลำบากเหมือนกัน ผมว่าหลายคนก็ได้ผลกระทบตรงนี้เหมือนกัน”

ตอนนี้มีบำบัดอยู่? “ตอนนี้โควิดมันหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ต้องบำบัดครับ เพราะว่าปอดยังไม่ดี ต้องให้วิตามิน แล้วก็ให้ยา ยาเดือนหนึ่งน่าจะ 2-3 แสนบาท เฉพาะค่ายาอย่างเดียว บางทีวีกหนึ่งก็ต้องไปสแกนว่าปอดดีขึ้นหรือเปล่า ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องของโควิดหายแล้ว แต่เรื่องสุขภาพคงอีกนานครับ น่าจะนาน 5-6 เดือนในความรู้สึกผมนะ

แต่ผมอ่านในเน็ตดูเขาบอก 2 ปี ผมก็ไม่รู้ว่าผมต้องรอ 2 ปีหรือเปล่า หนักเหมือนกันนะ 1 เดือนค่าใช้จ่ายมันก็เยอะ เราเองก็ไม่ใช่คนร่ำรวย เราก็ต้องพยายามประคองชีวิตเราไปครับ ก็รอดูว่าอีก 3-6 เดือนเราจะรอดจริงไหม ปอดเราจะดีขึ้นไหม ผมเบื่อมากเลย เมื่อไหร่ผมจะหาย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน