จากนักแสดงผันตัวเป็นช่างสักสมัครเล่น ฝึกฝนจนชำนาญก้าวสู่การเป็นช่างสัก มืออาชีพ และลงสนามแข่งประลองความสามารถจนคว้ารางวัลมาครอง สำหรับนางร้ายสาว ‘กระติ๊บ’ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล

ตอนนี้รับสักอยู่ที่ไหน?
กระติ๊บ – “ที่ร้าน BKK INK Tattoo Studio ค่ะ เป็นร้านสายแข่ง การแข่งขันไม่ใช่จุดวัดว่าใครเก่งไม่เก่ง แต่การที่เอาตัวเองเข้าไปแข่งขัน เราจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ”

ที่ลงประกวดประเภทอะไร?
กระติ๊บ – “ประเภท black&gray และได้รางวัล 2nd runner up small job black&grey จะเท้าความว่าตัวติ๊บเคยเรียนวาดรูปมาก่อน วาดรูปคน ก็มาดูว่าลายสักที่เป็น แนวรูปวาดแนวเส้นดินสอนุ่มๆ ไม่ค่อยมี เริ่มต้นจากจุด ที่อยากทำตรงนี้ แล้วติ๊บโชคดีที่ได้อาจารย์ดีคือพี่บอล (อธิวัฒน์ มาเปี่ยม) เป็น 1 ใน 100 ช่างสักที่ดีที่สุดในโลก มีประสบการณ์ด้านการแข่งขันสูง เคยได้รับเชิญไปเป็นกรรมการในการประกวด เขาจะรู้ว่างานที่ดีควรเป็นยังไง โชคดีมากๆ ที่ได้คนร่วมทางที่ดี คอยสอนคอยไกด์ให้”

“ที่ร้านบอกเลยว่าคนเราไม่สามารถทำได้ทุกแนว ถ้าอยากเป็นอันนี้ก็ซ้อมไปทางนี้แล้วทำให้ดี เลือกทางของตัวเองไปตั้งแต่ต้น ติ๊บมองว่าสุดท้ายแล้วศิลปินทุกคน ต้องมีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจน เริ่มต้นก็โฟกัสแนวนี้ มาตลอด คือแนว Micro Realism Tattoos ภาพเหมือนขนาดเล็ก การฝึกใช้เวลานาน กว่าจะบังคับเครื่องสักที่สั่นและเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลาให้เข้าที่ได้เหมือนที่เราใช้ดินสอวาดรูป ภาพที่ประกวดวันนั้นพอได้แบบปุ๊บก็ลงมือทำเลย ใช้เวลาอยู่ 9 ชั่วโมง”

ตอนรู้ว่าได้รางวัลรู้สึกอย่างไรบ้าง?
กระติ๊บ – “ทุกคนรู้ผลก็ตกใจนะ ที่ร้านกลัวดราม่าว่าเราเป็นดาราหรือเปล่า มาครั้งแรกแล้วได้รางวัลเลย แต่ติ๊บไม่กังวลเพราะเราอยู่กับดราม่ามาตลอด และงานที่ติ๊บส่งไปคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ติ๊บทำ ณ วันนั้น มั่นใจในงานตัวเอง”

“ใจจริงในการเข้าประกวด ติ๊บอยากได้โอกาสในการมาพูดเพื่อเป็น soft power ให้วงการสักไทย ศิลปะไทยไม่จำเป็นต้องอยู่ในขนบธรรมเนียมแบบเก่า อีกอย่างมันช่วยสร้างเม็ดเงินได้ เพียงแค่ให้โอกาสคนที่ทำอาชีพนี้ได้พูดบ้าง ภาพอาชีพช่างสักไทยที่ผ่านมาเราถูกโดนมองไปอีกแบบ ซึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่จริงๆ ทั่วโลกเขาให้การยอมรับวงการสักไทยนะ ถ้าเรามีเสียงตรงนี้ มันจะเป็น soft power ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ดีมากๆ ซึ่งหลายคนยังมีทัศนคติที่ประหลาดกับ อาชีพนี้อยู่ ติ๊บรู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเท่มากๆ”

อยากให้คนมองช่างสักอย่างไร?
กระติ๊บ – “ทัศนคติก็เหมือนวัฒนธรรม มันเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา ความคิดควรถูกเปิดกว้าง เพราะตอนนี้เป็นโลกของการยอมรับซึ่งกันและกัน อย่างญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม เขาพัฒนาวงการสักจนกลายเป็น soft power คนจากทั่วโลกอยากบินไปสักกับเขา คนไทยเก่ง มากๆ นะ แต่พื้นที่ในการพูดน้อยเกินไป ฉะนั้นคุณอย่าตัดสินใครดีหรือไม่ดี มันเป็นการมองโลกที่แคบไปหรือเปล่า”

ช่างสักไทยเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก แต่คนไทยกลับด้อยค่ากันเอง?
กระติ๊บ – “น้อยใจนะที่คนไทยด้อยค่าศิลปินศิลปะไทยกันเอง บางคนดูถูกศิลปะด้วยการตีค่าราคา ทำไมแพงในเมื่อรูปหรือลาย แค่นี้เอง แต่คุณรู้ไหมว่ากว่าเขาจะมานั่งตรงนี้อยู่เป็นชั่วโมง เขาต้องฝึกมาแล้วไม่รู้กี่ชั่วโมงถึงจะทำได้ขนาดนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องมาควบคู่กันคือ การเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

“ตัวติ๊บยังเป็นช่างสักมือใหม่ อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อยากทำ ให้เป็นอาชีพที่สนุก ที่เราเหนื่อยจากอาชีพนั้นแล้วมาพักผ่อน แต่ในการพักผ่อนเราก็จริงจังนะ ไม่ได้ทำเล่นๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นดาราแล้วจะมาหวังเงินจากตรงนี้ แค่มีคนตรงใจกับติ๊บ อยากให้ติ๊บสักให้ มันก็จะเป็น วันที่ติ๊บมีความสุขมากๆ แล้วที่ได้ทำมัน”

อย่างวันนี้ ‘เบิร์ด เทคนิค’ (แฟนแตงโม ภัทรธิดา) ก็มาสักกับเราด้วย?
กระติ๊บ – “ค่ะ แต่เขาเคยมาสักเลข 13 แล้วครั้งนึงที่ หัวไหล่ จริงๆ วันนั้นเขาไม่ได้อยากได้ติ๊บสักนะ เขาโทร.หาช่างสักที่เป็นเพื่อนเขา 5 คน แต่ไม่มีใครว่าง เขาเลยโทร.หาติ๊บว่า อยากสักวันนี้ เป็นเลข 13 วันเกิดพี่แตงโม แต่หาคนไม่ได้ ติ๊บเลยมาสักให้เขา”

วันนี้ทำไมเขาถึงกลับมา?
กระติ๊บ – “เขาเคยพูดว่า พี่แตงโมอยากสักกับกระติ๊บมาก ตอนนั้นเขากำลังจะติดต่อมา แต่ดันเกิดเหตุก่อน พี่เบิร์ดเลยอยากทำตามเจตนาแทนพี่แตงโม ลายที่ทำคือรูปน้องบ๊วย แมว พี่แตงโม ก็ขอบคุณที่ไว้ใจ จริงๆ งานนี้ติ๊บไม่ได้ทำเองทั้งหมด พี่บอลมาช่วยเก็บเยอะมาก”

ตอนนี้มองเป้าหมายตัวเองอย่างไร กับอาชีพช่างสัก?
กระติ๊บ – “อยากให้เป็นอาชีพหนึ่งที่เหมือน ติ๊บทำประกันชีวิตเอาไว้ ว่าวันหนึ่งติ๊บเฟล จากอาชีพนี้ก็ยังมีอีกอาชีพหนึ่งที่ให้ติ๊บทำได้ พอเรามีตรงนี้ชีวิตเราเหมือนหลุดออกจาก คอมฟอร์ตโซน เราเคยคิดว่าทำไม่ได้หรอก เสียเวลา มันยากเกินไป ที่ผ่านมาเพียงแค่เรา ไม่ดึงตัวเองไว้ด้วยคำพวกนี้ มาตอนนี้ติ๊บรู้สึกเสียใจมากที่เราไม่ทำมันตั้งแต่แรก”

“อยากบอกว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ก็ตาม หรือมีความฝันอยู่ ลุกขึ้นมาทำเลย อย่ามัวลังเลหรือกลัว พอมองย้อนกลับไป เราจะรู้ว่า now or never คือคำๆ นี้เลยจริงๆ”

พลเทพ สารภิรมย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน