‘อิงฟ้า’ ตั้งโต๊ะเปิดเรื่องจริงสู้กลับ ถูกฟ้องพันล้าน เผยรายได้ตอนนั้น ‘ณวัฒน์’ ลั่นจะจ่ายให้ศูนย์บาท

วันที่ 9 ก.ย.65 ที่ Show DC Hall พระราม 9 “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” และ “อิงฟ้า วราหะ” พร้อมด้วย นายสาคร ศิริชัย ทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวนำหลักฐาน “เปิดเรื่องจริงสู้กลับคดีถูกฟ้อง 1,200 ล้านบาทจริง”

โดยรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้คดีของคุณอิงฟ้า วราหะ คดีหมายเลขดำที่ พ 2889/2565 ของศาลแพ่ง ระหว่าง บริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.อิงฟ้า วราหะ เป็นจำเลย

ถามความคืบหน้าของคดีที่ถูกฟ้อง?
ณวัฒน์ “ตอนนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในบางส่วนแล้ว บางคนก็อาจจะสงสัย ตั้งแต่เราได้สัญญามาเราก็อ่านโดยละเอียด ซึ่งเราเพิ่งได้ทำความเข้าใจ แต่สิ่งที่เราอยากจะยืนยันเลยก็คือมูลค่าที่เรียกมาค่อนข้างสูง บางสำนักข่าวบอกจำนวนไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ของเรายืนยันว่ามีจำนวน 1,200 กว่าล้านบาท โดยมี 2 ยอด มียอดที่เรียก ณ วันที่มีการจัดการสำนวน เกือบ 50 ล้านบาท หลังจากนั้นอีกทุกๆวัน วันละ 1 ล้านบาท”

ทนายสาคร “คดีนี้มีการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.65 เราสรุปสั้นๆ ถามว่าทุนทรัพย์มันขนาดไหน ทุนทรัพย์ขนาดที่โจทก์ยื่นฟ้อง เรียกร้องคือ 49.5 ล้าน เป็นค่าเสียหายต่างๆ เช่น การที่น้องไปออกงานอยู่ 42 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. จนถึงวันที่เขาฟ้องก็คือ 13 มิ.ย. เขาคำนวณเป็นมูลค่าไป 84 ล้าน ฉะนั้นเขาต้องได้ครึ่งหนึ่งก็คือ 42 ล้าน บวกกับวันที่น้องได้รางวัลจากการประกวดมิสแกรนด์ฯอีก 5 ล้าน เขาขอหารครึ่งหนึ่ง คือ 2.5 ล้าน และเขาเรียกร้องในส่วนที่น้องไปกล่าวพาดพิงว่าอยู่กับเขาแล้วการกินอยู่ไม่ดี ต้องทานมาม่า เป็นการเปรียบเปรยถึงความเป็นอยู่อีก 5 ล้าน รวมทั้งหมดเป็น 49.5 ล้าน ในขณะขึ้นฟ้อง

และเขาเรียกร้องทุนทรัพย์ในส่วนของค่าเสียหายในอนาคตทางกฎหมายเพราะค่าเสียหาย อนาคตนับจากวันฟ้อง วันที่ 13 มิ.ย. จนถึงสิ้นสุดสัญญาก็คือ 22 ก.ย.2568 คำนวณเป็นวันละ 1 ล้านก็เป็น 1,196 ล้านบาท คือคำขอท้ายฟ้อง รวมทั้งหมดทั้ง 49.5 ล้านบาท กับ 1,196 ล้านบาท ก็รวมเป็น 1,245.5 ล้านบาท นี่คือข้อเท็จจริง ที่เขาฟ้องเป็นทุนทรัพย์จริง”

ณวัฒน์ “ต้องยืนยันว่าตัวเลขที่พูดมาเป็นตัวเลขผูกพันที่เราจะนำขึ้นสู่ศาล เราพูดอะไรออกไปเราพูดเฉพาะข้อเท็จจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ เบ็ดเสร็จแล้ว 1,245.5 ล้านบาท แล้วคดีนี้ดูจากรูปการณ์ในการต่อสู้แล้วคิดว่าน่าจะจบคดีหลังจากเลยสัญญาไปอีกนานแสนนาน มันคงไม่ได้จบในวันที่ 12 ก.ย.2568 ตามสัญญาที่จะหมด”

ได้มีการพูดคุยต่อรองกับคู่กรณีไหม?
อิงฟ้า “ไม่ได้พูดคุยค่ะ”
ณวัฒน์ “ของผมก็พูดคุยผ่านสื่อว่าอยากจะเชิญเจ้าของบริษัทมาเจอผมบ้าง แต่ทุกครั้งก็ยังไม่มีอะไรนอกจากหมายที่ส่งมา เราก็เพิ่งไปอ่านสัญญาไปพร้อมๆกันที่น้องไปเซ็นเอาไว้หลังจากที่น้องถูกฟ้องแล้ว สัญญามาพร้อมหมายศาล ตัวอิงฟ้าเองตลอดมาพยายามที่จะติดต่อ เขียนจดหมายเพื่อจะขอความอลุ่มอล่วย ขอดูเนื้อหาสัญญาเพื่อจะได้ปฎิบัติตัวได้ถูกต้องตามสัญญา แต่ไม่มีการตอบกลับเลย น้องเลยไม่รู้เนื้อหาสัญญา การซ้อนเงื่อนของการสิ้นสุดอายุสัญญา เขาห้ามอะไรบ้าง อะไรทำได้ทำไม่ได้ น้องไม่รู้”

ทนายสาคร “เรามองว่าสิ่งที่โจทก์เรียกร้องมา ในเรื่องของข้อสัญญา ตั้งแต่น้องทำสัญญามาเขาไม่ได้ให้คู่ฉบับหรือสำเนาสัญญา โดยน้องก็ไม่ได้รู้ว่าเนื้อหารายละเอียดเป็นอย่างไร เคยมีหนังสือทวงถามไปแล้วก็ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อเรามาดูสัญญาโดยตรวจสอบตามข้อกฎหมาย ปรากฎว่าสัญญานี้น่าจะเข้าข่ายสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาไม่เป็นธรรมปี พ.ศ. 2540 คำว่าไม่เป็นธรรม ในข้อห้ามสัญญา 1 เป็นสัญญาว่าจ้างนักร้องและการแสดงที่เกี่ยวกับการเป็นนักร้อง ไม่ได้ระบุว่าห้ามไม่ให้น้องไปประกวดนางงาม ก็คือไม่มีข้อห้ามในการไปประกวดเวทีมิสแกรนด์ฯ

สอง สัญญาว่าจ้างนักร้อง นักแสดง แต่กลับไประบุข้อห้ามหลายอย่างที่มันนอกเหนือสัญญาไป เช่น ห้ามไม่ให้เป็นพิธีกร แสดงละคร แสดงภาพยนตร์ ถ่ายแบบ เดินแบบ หรือรับจ้างโฆษณาให้บุคคลอื่นผ่านช่องทางสื่อทุกรูปแบบเว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากคู่สัญญา หมายความว่าให้น้องเป็นนักร้อง ไม่ให้น้องทำกิจการอื่นที่จะดำรงชีพได้ อันนี้เรามองว่าสัญญานี้ไม่เป็นธรรม อีกข้อได้ซ้อนปมสิ้นสุดอายุสัญญาไว้ หมายความว่าเมื่อครบกำหนด 12 ปีภายในสัญญา ถ้าไม่มีการตกลงกันขอให้สัญญานี้ต่อไปอีก 10 ปี ซึ่งเป็นการระบุเงื่อนไขในสัญญาให้สัญญาเดินต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด แสดงว่าจะต้องตายจากกันไปข้างหนึ่งถึงจะหมดอายุสัญญา ตรงนี้เป็นลักษณะของสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หากถ้าพบสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจะใช้บังคับไม่ได้ จะบังคับได้แค่ในกรณีที่เป็นธรรมตามควรแก่กรณีเท่านั้น อันนี้คือข้อกฎหมาย”

ณวัฒน์ “สิ่งหนึ่งที่เราจะเอามาโต้แย้งตามหลักการในสัญญาเลยก็คือไม่มีข้อห้ามในการประกวดนางงาม ไม่มีตัวไหนที่ระบุว่าห้ามประกวดนางงาม”

ทนายสาคร “เราต่อสู้ว่าเรื่องนี้คู่สัญญาคือโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายถึง 1,200 ล้านจริง เราให้การต่อสู้ว่าเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายตามอำเภอใจ และคิดคำนวณเอาเองโดยไม่รู้ว่าน้องจะได้รับ เท่ากับเรียกร้องมาแบบไม่ได้หลับได้นอนกัน คือต้องทำงานทุกวัน วันละ 1 ล้านบาท ฉะนั้นความเสียหายนี้ไม่เกิดขึ้นจริง เราจะต่อสู้ว่าแม้น้องจะอยู่กับคู่สัญญา อยู่ในสังกัดเขาจนครบอายุสัญญาเลยก็คงไม่ได้เงินเท่านี้ จะได้ถึง 5-10 ล้านหรือเปล่า”

ณวัฒน์ “ถ้ามีมูลค่าระดับนั้นที่ผ่านมานับปีไม่ถ้วนแล้วน้องก็คงจะต้องหางานวันละ 1 ล้านบาท มันไม่สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้”

รายได้ ณ ตอนนั้นได้อยู่เท่าไหร่?
อิงฟ้า “ตอนช่วงที่อยู่กับเขาถ้าพูดถึงงานในส่วนของศิลปินมันไม่มีเลย จะอยู่เหมือนเป็นพนักงานออฟฟิต รับเงินเดือนเดือนละ 10,000 บาทเท่านั้นค่ะ อยู่กับเขาที่ได้รับเป็นเงินเดือนพนักงานออฟฟิตมาได้เกือบปี ณ ตอนนั้นเขาไม่ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการเป็นศิลปินเลย และยังมีอีกหลากหลายข้อความที่เขาชี้แจงมาที่มันไม่เป็นความจริง เช่น เรื่องการเรียน ที่เขาบอกมีการซัพพอร์ตในส่วนของค่าเทอม แต่ที่เขาแจ้งว่าส่งเราเรียนจนจบ ก็ต้องขอแจ้งนะว่าเราไม่ได้เรียนจบปริญญาตรีนะคะ เขาไม่ได้จ่ายเรียนจบ แค่เกือบๆ ตอนนี้เราก็กำลังจะเริ่มเรียนใหม่ นับ 1 ใหม่ในอายุ 27 ปี ในส่วนของที่บอกว่าค่าเสียหายในการทำศัลยกรรมต่างๆ จะมีรายละเอียดที่ไม่ตรงตามที่เขาแจ้ง เดี๋ยวจะต้องไปชี้แจงในชั้นศาลอีกที”

มองว่าเป็นสัญญาทาสไหม?
ทนายสาคร “ผมไม่กล้าใช้คำนั้น มันเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตามกฎหมาย พ.ร.บ. ในเรื่องของข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 4”

อยากบอกอะไรกับคู่กรณีไหม?
ณวัฒน์ “ผมอยากจะขอร้องคู่กรณีว่าที่ฟ้องมาตอนนี้ก็เยอะอยู่ เราอยู่ในที่สาธารณะ อยากให้ออกมาชี้แจงกันบ้าง อย่าเพิ่งไปลงกับคนอื่น กับแฟนคลับ นักข่าว กับคอมเมนต์ เพราะว่าบางทีมันอาจจะแค่นิดๆหน่อยๆ อย่าไปเพิ่มประเด็นดีกว่า ถ้าพุ่งประเด็นมาเอาที่เราแล้ว เราก็ยินดีที่จะต้องต่อสู้กันตามกฎหมาย ไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าตอนนี้มีแฟนคลับถูกฟ้อง เรื่องถึงโรงพัก เป็นอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วย ผมขอร้องนิดนึงว่าอย่างน้อยให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราอยู่ร่วมโลกเดียวกัน วัตถุประสงค์คือตรงนี้ ไม่ใช่ตรงอื่น อย่าเพิ่งไปทำคนอื่นถึงแม้ว่าคุณจะมีสิทธิ์ อยากจะให้ผ่อนปลนให้กันและกันบ้างสำหรับคนที่เขาไม่ได้อยู่ในวงล้อมจริงๆ”

และอยากจะขอร้องอีกฝ่ายอีกอย่างก็คือ เราต้องกลับมาคุยกันในเรื่องของความเป็นจริง น้องอายุ 27 ปีถึงนับ 1 ได้ น้องเพิ่งนับมาได้ไม่ถึง 5 เดือน อุปสรรคในชีวิตที่ใหญ่ขณะนี้คือชิ้นที่คุณกำลังหยิบยื่นให้กับน้อง ถ้าความรัก ความปรารถนาดีมีอยู่จริง หลักฐานความเป็นธรรมมีอยู่จริง รู้สึกได้ว่าควรจะให้คนๆ นึงไปมีชีวิตที่ดีขึ้นดีกว่าที่อยู่กับใคร การประสบความสำเร็จของน้องจะมากล่าวอ้างอะไรมันค่อนข้างที่จะฟังยาก เพราะน้องเพิ่งอยู่กับทางเราแค่ 4 เดือนกว่า แต่ก่อนหน้านั้นน้องอยู่กับที่อื่นมา 7-8 ปี เป็นเวลาที่มากเกิน ควรจะที่ไปสู่ดวงดาวจนข้ามไปดาวดวงอื่นแล้ว ตอนนี้อย่าคิดอะไรเยอะเลยครับ ปล่อยน้องให้น้องไปมีชีวิตของตัวเองผมว่าน่าจะเป็นกุศลด้วย น่าจะเป็นความสุขในบั้นปลายชีวิตของทุกคน อย่าคิดอะไรให้มันเยอะเกินไป ผมยังยืนยันจุดเดิมว่าจะช่วยน้องเต็มความสามารถ ผมเชื่อมั่นอยู่อย่างหนึ่งว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความพยายามไม่เคยทรยศคน”

ทนายสาคร “เราสู้ในพื้นฐานที่น้องไม่ได้รับความเป็นธรรมในสัญญา และเราจะสู้เพื่อให้เป็นตัวอย่างสำหรับศิลปินคนอื่นๆในลักษณะเดียวกัน มันมีกรณีแบบนี้เยอะครับ วันนึงเราเป็นเด็กบ้านนอก เราไปเซ็นสัญญากับค่ายไหนแล้วเราไม่ได้เห็นสัญญาเลย แล้วสัญญานั้นไม่เป็นธรรม กฎหมายน่าจะเข้ามาคุ้มครองตรงนี้”

ตอนนี้เขาฟ้องใครบ้าง?
ทนายสาคร “ตอนนี้เขาฟ้องอิงฟ้าคนเดียว ในส่วนของบริษัทมิสแกรนด์ฯ เขาสงวนสิทธิ์ที่จะฟ้อง เขาเคยโนติสมาแล้ว แต่เขาไม่ได้ฟ้องมาในคดีเดียวกัน แต่เรียนว่าเขาเซ็นสัญญากับมิสแกรนด์ฯก่อนที่เขาจะได้แจ้งเตือน ทางมิสแกรนด์ฯ ไม่รู้ว่ามีสัญญามาก่อน แม้แต่ตัวน้องเองยังไม่รู้แล้วมิสแกรนด์ฯ จะรู้ได้ยังไง”

ณวัฒน์ “แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจนะ เมื่ออ่านสัญญาแล้วไม่มีข้อห้ามประกวดนางงาม ผมมั่นใจว่าสิ่งที่ห้ามเขาใส่จนหมดแล้ว ไม่ได้ห้ามประกวดนางงาม ไม่ได้ห้ามเป็นนักการเมือง ไม่ได้ห้ามเป็นเชฟไปปรุงอาหาร เราเดิมตามกฎหมายทุกอย่าง ในกรณีนี้ผมเป็นแค่ที่ปรึกษา”

จะได้เจอคู่กรณีวันไหน?
ทนายสาคร “จะมีที่ศาลนัดมาเจอพร้อมกันในวันที่ 26 ต.ค. 2565 เวลา 9.00 น.”

พอจะมีเงินจ่ายตามจริงได้เท่าไหร่?
ณวัฒน์ “มันตอบไม่ได้นะครับว่าความจริงเท่าไหร่ แต่สำหรับผมสูงสุดคือ 0 บาท ที่น้องจะจ่ายได้ แล้วเราก็ไม่ไกล่เกลี่ยด้วย เพราะเราคิดว่าเราจะขอยืนอยู่ในจุดที่เหมาะจริงๆ อาจจะไกล่เกลี่ยได้ในแบบที่ต่างคนต่างถอยไป แล้วก็ 0 บาท มากกว่านั้นเจอกันที่ศาล”

ตอนที่เซ็นสัญญาอยู่ แล้วสูญเสียโอกาสไป รู้สึกอย่างไรบ้าง?
อิงฟ้า “มันก็เป็นบทเรียนสำหรับเรา และอยากจะให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนอีกหลายคนที่เมื่อเจอสถานการณ์แบบเรา ก็อาจจะต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบมากกว่านี้ เพราะเราเองก็เสียโอกาสมาเยอะ จริงๆป่านี้อาจจะไปได้ไกลถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นบทเรียน เราเองก็ต้องสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตัวเองด้วย เพราะเรามีครอบครัวที่จะต้องดูแล”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน