“อนงค์ จันทร”

เปลี่ยนบทบาทจากนักแสดงมาเป็นผู้จัด ครั้งแรก ในละคร “เสน่หามายา” ทางช่อง 7 แถมยังร่ายฝีมือลงแสดงเองกับบทร้าย “อลิส” สำหรับนักแสดงสาวสวยมากฝีมือวัย 46 กะรัต “แอน”สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์

ก่อนที่เจ้าตัวจะบินกลับอังกฤษ ข่าวสดบันเทิงมีโอกาสได้พูดคุยกับเธอ ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวที่ครองรักกับสามีนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษ “จัสติน เทดด์” รวมถึงลูกสาว “น้องนนนี่”นนลนีย์ โอแกน

การเปลี่ยนบทบาทจากนักแสดงมาเป็นผู้จัดเป็นอย่างไรบ้าง?

แอน – “ทำให้เรามีความเข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งนักแสดงและผู้จัด ก็พยายามประคับประคองให้ไปด้วยกัน ซึ่งก็จะมีปัญหาเฉพาะหน้ามาให้แก้ตลอดเวลา”

พอเปลี่ยนบทบาทจากนักแสดงมาเป็นผู้จัด รู้สึกว่าแบบไหนเข้ากับเรามากกว่ากัน?

แอน – “จริงๆ ก็สนุกทั้งสองอย่าง การเป็นผู้จัด ถ้าได้ทีมงานดีๆ เก่งๆ แอนว่ามันสนุกและสบาย แล้วเวลาที่นักแสดงเขาเล่นออก มาอย่างตั้งใจเราก็มีความสุข ส่วนการเป็น นักแสดงก็สนุก พอโตขึ้นระดับนึง ผ่านเรื่องราวและมีประสบการณ์ชีวิตมาเป็นสเต็ปๆ พอเราเห็นบทมันคิดออกเลยว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร

สมัยก่อนตอนเป็นเด็กนึกไม่ออก ไม่เข้าใจ เพราะอินเนอร์ไม่มี ไม่รู้ ไม่เก็ต แต่ถ้าอย่างนี้รู้เลยว่าเวลาทุกข์เพราะลูกเนี่ยความรู้สึกเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่รู้”

เห็นว่าจะเล่นละครอีกเรื่อง กับช่องวัน?

แอน – “ใช่ เรื่อง วิมานดวงดาว ที่เล่นเพราะอยากรู้ว่ากองอื่นเขาเป็นอย่างไร ถือว่าไปหาประสบการณ์ เพราะเราห่างหายไปจากวงการตั้งเกือบ 10 ปี โลกคนทำงานก็เป็นเด็กยุคใหม่ไปหมดแล้ว และเครื่องมือเครื่องไม้ก็ต่างกัน สำหรับ วิมานดวงดาว เป็นละครย้อนยุคปี 80’s เล่นเป็นศิลปินซ้อนศิลปินและดาราซ้อนดาราอีกทีนึง มึนไปเลยค่ะ เจอ 19 ซีนคนเดียวไม่มีเวลาท่องบท (หัวเราะ) ไม่ได้หยุดเลย แล้ววันนั้นเป็นวันแรกที่ถ่ายทำด้วย ไม่เคยโดนอัดเยอะขนาดนี้ ตกใจช็อกไปเลย

เพราะนึกว่าวันแรกเราน่าจะทำความรู้จักกันก่อน ละครเรื่องนี้ดราม่าหนักกว่าของแอนอีก ผู้กำกับฯ เขาขอให้เล่นชัดเจน ร้ายแบบไม่มีเหตุผล เอาแรงๆ จนรู้สึกว่าการเล่นเป็นตัวร้ายเหนื่อย กลับถึงบ้านนอนหัวใจยังเต้นตุ๊บๆๆ อยู่เลย นอนไม่หลับ เพราะมันเหมือนอารมณ์โกรธมันสั่งให้อยู่ในจิตตลอดและจิตมันรับว่าต้องพูดจาแรงๆ และบทเขาแรง”

ตอนนี้ร้ายมา 2 เรื่องแล้ว อยากจะครองบทร้ายเลยไหม?

แอน – “ไม่รู้ แต่คงพักไว้ประมาณนี้ก่อน เพราะอายุเราก็ระดับนึงแล้ว แอนต้องดูทั้งสองฝั่ง ทั้งครอบครัวและงานด้วย เพราะสามีเป็นชาวต่างชาติเราต้องมีเวลาให้ครอบครัว”

สามีเห็นแล้วว่าอย่างไรบ้าง?

แอน – “สามีเห็นสภาพภรรยาก็ถามว่าเธอชอบใช่มั้ย (หัวเราะ) แต่ก่อนที่จะรับก็บอกว่าบทน่าสนใจดี สามีไม่อยากให้แอนทำงานเยอะ แต่ก็ไม่ห้าม เขาอยากให้ทำ แต่เวลารับงานก็ให้ดูสภาพร่างกายเราด้วย (หัวเราะ) แต่ลูกชอบ อยากดูละครที่แม่เล่น เพราะช่วงที่นนนี่โต แอนไม่ได้เล่นเลย เขาก็จะไม่เห็นแอน ละครเรื่องสุดท้ายที่แอนเล่นคือ “แม่หญิง” เป็นแม่ของนุ่น-วรนุช ละครของพี่ธง (ธงชัย ประสงค์สันติ)”

ชีวิตครอบครัวตอนนี้ถือว่าลงตัวแล้ว?

แอน – “ถือว่าลงตัวนะคะ เป็นชีวิตที่แอนมีความสุขที่สุดและลงตัวที่สุดตั้งแต่ดำเนินชีวิตมา (หัวเราะ) เพราะลูกก็โตแล้ว แต่ก็ยังห่วงอยู่ว่าพอจบแล้วก็ต้องหางานทำ เดือนนี้เขาก็จะบินกลับมาเที่ยวเดือนนึงและต้องบินกลับไปเรียนต่อ เพราะตอนนี้เขาเรียนปริญญาโทอยู่”

ได้ยินว่ามีธุรกิจโรงแรมด้วย?

แอน – “อันนั้นของสามี ไม่ใช่โรงแรม เป็นไพรเวต รีสอร์ต ส่วนมากจะขายต่างชาติเพราะคนไทยจะไม่สู้ราคา เพราะคนไทยจะเช่า 1-2 คืนและก็คืน แต่ถ้าเป็นคนอังกฤษเขาจะมากันเป็นครอบครัวใหญ่ จะเหมาไปเลยอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ชีวิตของแอนก็จะอยู่ทั้ง 2 ที่ เมืองไทยและต่างประเทศ ประมาณ 3 เดือนเราก็จะกลับไป

เพราะสามีจะติดทางนู้น ซึ่งก็อยู่เดือนนึงหรือไม่ก็ 2 เดือนบ้าง เราก็ดูแลซึ่งกันและกัน อาจเป็นเพราะว่าหนึ่งเหมือนเราจะต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพราะเราต่างเชื้อชาติ ต่างภาษามันก็เลยมีความเคารพซึ่งกันและกันในระดับนึงมากกว่าคนภาษาเดียวกันอยู่แล้ว เพราะภาษาแอนก็ไม่ได้เก่งมาก แอนมาเรียนเพิ่มเติมเยอะเลย ตอนที่ไปอยู่ที่นู่นใหม่ๆ

และอีกอย่าง เรามาเจอกันตอนเราโตแล้วก็จะเป็นความรักที่เราตกลงกันแล้วว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนเราตายจากกันไป คุยกันและอยู่เป็นเพื่อนกัน ไปไหนทำอะไรด้วยกัน เพราะฉะนั้นเวลาที่มีอะไรโกรธหรือไม่พอใจก็ให้บอก”

เขาเข้ากับน้องนนนี่ได้ไหม?

แอน – “นนนี่ก็รักนะ ตอนที่นนนี่เรียนจบปริญญาตรี จัสตินก็จัดงานเลี้ยงจัดปาร์ตี้ให้ และลูกสาวเขาก็บอกขอบคุณยาย ขอบคุณ ทุกคน คุณแม่และขอบคุณจัสติน ถ้าไม่มีทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีนนนี่ในวันนี้ คือเรารู้แล้วว่าเด็กเขาคงรู้แล้วว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องสำคัญ ไม่ใช่แค่เพื่อนอย่างเดียว เพราะเขาเป็นลูกคนเดียว ยังคุยกับน้องแหม่ม-คัทลียาเลยว่าเขาลูกสาม

และเวลาแอนเจอใครแอนบอกไปเลยว่าอย่ามีนะคนเดียว มีไปเลย 2-3 คน เพราะมีคนเดียวเดี๋ยวเด็กเหงา มีญาติ พี่น้องยังไงมันก็ดีกว่า เมื่อก่อนอาจจะคิดว่ามีคนเดียวก็เลี้ยงให้ดีไปเลย ซึ่งเขาก็ต้องการเพื่อนมั้ย ใครจะอยากมาคุยกับแม่ตลอดเวลา”

“ตอนนี้น้องนนนี่ก็กำลังหางาน กำลังค้นหาตัวเองอยู่ว่าอยากจะ ทำอะไร ถามว่าเขาจะเดินตามทาง แอนมั้ย คือพอแอนเริ่มมาเล่นเขาก็ เริ่มสนใจ เริ่มมีถามๆ ว่ายากมั้ย แต่ก็ไม่ถึงกับอยากจะสานต่อเราขนาดนั้น เขาอยากทำของเขาเองในสิ่งที่เขาเรียนมา แต่ถ้าหากเขาทำและเขาสนใจเขาก็จะมาถาม มันก็เหมือน เรามีการสนทนากันเยอะขึ้นในการพูดคุย”

วางแพลนชีวิตไว้อย่างไรบ้างในเรื่องงาน?

แอน – “ถ้าเป็นเรื่องงานทุกวันนี้ก็วางไว้ว่าถ้าแอนได้อะไรที่ดีๆ ได้เกษียณก่อนอายุ 60 ปีก็ดี (หัวเราะ) ไปเที่ยวรอบโลก อยากไปนะ อยากไปเที่ยวหลายๆ ที่ เพราะแอนรู้สึกว่าแต่ก่อนแอนไม่เคยชอบไปเที่ยวต่างประเทศเลย แต่เดี๋ยวนี้แอนรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราได้เห็น ได้รู้ เพราะเมื่อก่อนตอนเด็กๆ แอนจะทำแต่งาน วันๆ ไม่ได้ไปไหน 7 วันรับงานรวด ใครชวนไปเที่ยวไหนไม่ไป จะเก็บเงินอย่างเดียว

แต่ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตมันไม่ใช่แค่ซื้อกระเป๋าหรือมีกระเป๋าแบรนด์เนม แต่งตัวสวยๆ แต่การที่ได้ไปเห็นโลกทัศน์ หรือเปิดมุมมองมันทำให้ชีวิตดีกว่ากันเยอะ แต่ก่อนไม่เข้าใจ อยากมีอะไรหลายๆ อย่าง แต่ตอนนี้รู้สึกว่ารักและชอบการเดินทางมากขึ้น ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น รู้สึกว่าไม่ได้เป็นกบในกะลา ได้เห็นอะไรมากมาย”

“ส่วนงานในวงการก็ชอบค่ะ สนุกดี ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย แต่ถ้ามีบทดีๆ ก็รับ เพราะมันอยู่ในวัยที่อยากเล่นอะไรสนุกๆ และพอมันได้เล่นอะไรแปลกๆ ก็รู้สึกว่ามันส์ดี ขอแค่ทีละเรื่องพอ (หัวเราะ)”

ดูแลตัวเองยังไงให้ดูยังสาวอยู่ตลอด?

แอน – “จริงๆ ก็พยายามกินอาหารที่ไม่ทำร้ายผิวมาก แต่ของอร่อยมันก็มักจะอ้วน แต่ก็กินบ้างถ้าไม่งั้นมันจะเครียด ไม่มีความสุข ถ้าระวังมากเกินไปไม่มีความสุข แต่ก็พยายามในระดับหนึ่งที่เราโอเคและไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป พยายามสบายๆ กับชีวิตให้มากขึ้น และออกกำลังกาย เพราะแอนเป็นคนชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งการเล่นกีฬามันก็เป็นการเผาผลาญในระดับหนึ่ง เพราะพอเราอายุมากขึ้นระบบการเผาผลาญมันจะน้อยลง”

“และพอดีแฟนแอนเขาเล่นกีฬาด้วย ก็เลยเหมือนว่าต้องเล่นด้วยกันเพราะชีวิตคู่ คือคนอังกฤษเนี่ย แอนก็ไม่รู้ว่าคนอังกฤษคู่อื่นเป็นอย่างไร แต่ของแอนเขาพูดกับแอน มาคำหนึ่งว่าถ้าจะคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเดี๋ยวขอเชิญที่โต๊ะ นั่งคุยกันแบบนี้นะ ซึ่งถ้าเวลาคุยไม่มองตาก็ไม่ได้ ต้องมองตาเพราะฝรั่งเขาถือ ถ้าเวลาคุยกันแล้วไม่มองตาแสดงว่าไม่จริงใจ ไม่กล้าสบตาอะไรแบบนี้”

เรียกว่าเวลาไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน ทำอะไรต้องทำด้วยกัน?

แอน – “ใช่ๆ เขาบอกว่าไม่งั้นจะแต่งงานทำไม ถ้าเธอไปทาง ฉันไปทาง และเราก็บอกว่าก็จริงเพราะที่ผ่านมาฉันก็เป็นแบบนั้นแหละ ซึ่งเราก็ยอมรับ คือต้องเจอกัน ถ้าไม่เจอกันเกิน 3 วัน มันก็ไม่ถูกแล้ว ซึ่งเราก็มองว่ามันก็ถูกของเขาและเราก็เข้าใจ เวลาเจอกันก็ไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกันซึ่งเขาเป็นคนทานง่ายและก็ออกกำลังกายด้วยกัน เล่นกีฬาด้วยกัน”

“เขาขอ 2 อย่างว่าเวลาที่แก่ไปและเราเกษียณแล้ว หนึ่งเลยให้เราเล่นไพ่และสองให้เราเล่นกอล์ฟ เพราะไพ่บริดจ์มันเป็นกีฬา จะไม่เหมือนไพ่จีน แต่มันเป็นไพ่ที่ต้องเล่นคู่กันกับพาร์ตเนอร์ และคนอังกฤษเวลาเขาเล่นเขาจะมีเป็นชมรมหรือสมาคมเป็นเรื่องเป็นราวเลย ซึ่งแอนก็ต้องไปเรียน วันอังคารจะเป็นวันไพ่ของแอน อีกอย่างแอนก็เป็นคนที่เล่นป๊อกเด้งเล่นรัมมี่อยู่แล้ว

แอนไม่เคยคิดว่ามันจะยากเลย ซึ่งมันยากมาก มันต้องจำ เหมือนต้องเรียนอีกภาษาหนึ่งไปเลย แต่เวลาเรียนกับครูสบาย เพราะครูพูดภาษาไทย แต่พอไปเล่นกับฝรั่งมันเป็นคำศัพท์ทับศัพท์อีกทีนึงและเป็นคำศัพท์เฉพาะก็เลยยากและเครียด ส่วนกอล์ฟเคยเรียนมาก่อนอยู่แล้ว ก่อนจะมาแต่งงานกับเขา แต่มันไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีเวลาเลยเลิกเรียนไป ตอนนี้ก็เริ่มฝึกอยู่”

“และที่ต้องฝึกทั้ง 2 อย่างก็เพื่อเวลาแก่ตัวไปจะได้มีอะไรทำ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน