รีวิว Subterrain ผจญนรก…ดาวอังคาร

คอลัมน์ สาระ1000เกมมิ่ง โดย ปอลนาโช่ (ผู้เขียนทดสอบเกมด้วยเครื่อง PS4)

1.

…มันเป็นปีค.ศ.2050 ที่เหตุการณ์สยองครั้งนี้เกิดขึ้น ตอนนั้นมนุษย์มีความเจริญก้าวหน้าถึงขั้นที่สามารถไปสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารได้แล้ว โดยอาศัยการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยใต้ผืนดินของดาวเคราะห์สีแดงเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมเป็นพิษเบื้องบน

นี่คือที่มาของชื่อเกม Subterrain…

ขณะนั้น ดร.เวสต์ นักวิทยาศาสตร์ประจำสถานีวิจัย กำลังศึกษาค้นคว้าในโครงการรักษาโรค Alzheimer ทว่าเกิดเหตุผิดพลาดจนสร้างความเสียหายใหญ่หลวง ดร.หนุ่มถูกจับเข้าห้องขังรอการสอบสวน แต่เวลาก็ผ่านเลยไปวันแล้ววันเล่า

อยู่มาวันหนึ่ง ประตูห้องขังได้เปิดขึ้น ภายนอกเงียบสนิท ไร้วี่แววของผู้คุม หรือชาวอาณานิคม ไร้ซึ่งสำเนียงของสิ่งมีชีวิต!

ที่กล่าวไปคือจุดเริ่มเกม ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของ Subterrain ก็คือการนำพา ดร.เวสต์ให้รอดชีวิตท่ามกลางเรื่องราวสยดสยองที่เกิดขึ้นในอาณานิคมดาวอังคารแห่งนี้ โดยคนเล่นต้องเอาใจใส่สภาพร่างกายของตัวละครให้มากพอๆ กับการต่อสู้กับศัตรู (เหล่าผู้ติดเชื้อคล้ายซอมบี้) เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น…ต้องออกหาอาหารและกักตุนไว้ยามหิวโหย กระหายก็ต้องหาน้ำสะอาด หากกินน้ำปนเปื้อนก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อจนตาย เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บก็ต้องหายาหรือผ้าพันแผล ง่วงก็ต้องนอน วิ่งมากแล้วเมื่อยก็ต้องหาเก้าอี้นั่งพัก

ที่สำคัญ ปวดท้องก็ต้องพาดร.เวสต์วิ่งเข้าห้องน้ำด้วย!

สำหรับ Subterrain เป็นเกมพีซีที่ออกวางขายเมื่อเดือนม.ค.ปีที่แล้ว ล่าสุดกำลังจะมาลงคอนโซลในวันที่ 27 ม.ค.ปีนี้ พัฒนาโดย Pixellore ทีมงานขนาดเล็กแต่ฝีมือไม่เล็กจากประเทศเกาหลีใต้

2.

เมื่อครั้งแรกที่ผมเข้าสู่เกม ก็ต้องร้องว้าวให้กับรายละเอียดยุบยับของเมนู และตัวเลือกต่างๆ ออกตัวก่อนเลยว่าผมเป็นแฟนเกม RPG ตะวันตกยุคเก่าๆ จำพวก Wasteland, Xcom, Fallout Tactic, Torment ฯลฯ ดังนั้น ครั้งแรกที่ผมเห็น Subterrain ก็รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เพราะหน้าตามันทำให้หวนคิดถึงวันคืนเก่าๆ ขึ้นมาทันที

แต่ต้องรีบบอกคนที่ตั้งใจจะซื้อมาเล่นเสียก่อนว่า หน้าจอ HUD ดั้งเดิมตัวเกมจะตั้งค่ามาเล็กสุด ใครมองไม่ค่อยเห็น (ไม่เห็นแน่ๆ ครับถ้าไม่นั่งเล่นติดจอ) ให้รีบเข้าไปตั้งค่าใน option แล้วขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ ส่วนหน้าจอหลักที่เราใช้มองตัวละครก็ซูมเข้าไปได้เหมือนกัน ด้วยปุ่มทิศทางด้านซ้าย

บรรยากาศในเกม ถ้าคุณเล่นแบบอินกับเนื้อเรื่องสุดๆ จะรู้สึกคุ้นว่ามันคล้ายกับเกมอย่าง Dead Space ภาคแรกมากเลยครับ แต่ว่ามันจะแสดงออกมาด้วยมุมมองย้อนยุค top-down 2D ตรงนี้ใครไม่ชอบเกมที่ภาพไม่ค่อยสวยอาจเบือนหน้าหนีได้ง่ายๆ

ทีนี้ ตัวเกมมันเน้นความหลอนจากพวกสัตว์ประหลาดมุมตึก แล้วก็พวกซอมบี้ผู้ติดเชื้อที่อยู่ๆ ก็พร้อมจะโผล่มาเข้าฉาก แต่เมื่อเกมมันเป็นมุมมองกว้างแบบบนลงล่าง ดังนั้น มันจึงอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ “รัศมีจากแสงไฟ(ฉาย)” ของดร.เวสต์ครับ กล่าวคือ ศัตรูบางตัวที่เผยตัวเองหรือมีการเคลื่อนไหว เราก็จะเห็นได้แต่ไกลเลย แต่ถ้าตัวไหนอยู่นิ่งๆ เราจะรู้ตัวเมื่อส่องไฟไปโดนนั่นแหละ ถ้าอยากเพิ่มระยะการมองเห็นศัตรูก็ต้องไปอัพเกรดตัวละครเอาทีหลัง

3.

จุดแข็งที่สุดของ Subterrain คือระบบเกม อาจรวมไปถึงตรรกะความสมจริงที่ตัวเกมเลือกใช้เป็นจุดยืนด้วย ถ้าใครชอบ ใครสนุกสนานกับการจัดการรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของตัวละคร เกมนี้เป็นของคุณ แต่ถ้าใครอยากเปิดเกมมาแล้วไล่ยิงดะ (แบบเอเลี่ยนเนชั่น) …ก็น่าจะผิดหวังกับ Subterrain

ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

ท่ามกลางโถงทางเดินอันมืดมิดเกือบตลอด ทุกอย่างในเกม สามารถฆ่าคุณได้ ดังนั้น คุณจะต้องค่อยๆ อ่านข้อมูลไอเท็มต่างๆ ให้ดี ต้องเตรียมอาหาร น้ำ และยาให้พร้อม จากนั้นก็ต้องหาอุปกรณ์รักษาอุณหภูมิให้กับสถานีส่วนนั้นๆ ต่อมาก็ต้องหาเครื่องทำอ็อกซิเจน แล้วค่อยหายาต่อต้านสารปนเปื้อน เมื่อพร้อมแล้วก็ออกลุยได้

เมื่อเจอศัตรู การยิงหรือตีในเกมจะอยู่บนพื้นฐานของทิศทั้งแปด (จากมุมมองเกมแบบ บนลงล่าง) ซึ่งช่วงแรกๆ ผมประสบปัญหาในการเล็งเป็นอย่างมาก สุดท้ายเลยใช้เทคนิคแบบเกม space invader คือตั้งปืนยิงตรง แล้วใช้วิธีเคลื่อนที่ตัวละครแทนครับ ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่พื้นฐานของเกมนั้นเล่นกับไอเท็มจำนวนมาก (มีระบบผสมอาวุธ อัพเกรดของใช้และอุปกรณ์ติดตัวได้) จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เวลาส่วนใหญ่ที่ผู้เล่นจะใช้นั้นหมดไปกับการเปิดหีบ เปิดกล่อง ค้นโต๊ะค้นตู้ เพื่อเก็บของมาใช้ พอกระเป๋าเราเต็มก็ต้องเลือกทิ้ง หรืออัพเกรดช่องเก็บของเพิ่ม ซึ่งลักษณะการเล่นแบบนี้มันกินเวลาส่วนใหญ่ในเกม จนต้องเล่นไปถึงช่วงที่มีเครื่องรีไซเคิลขยะนั่นเอง ตัวเกมก็จะเปลี่ยนไปเป็นการค้นหาของมาทำเป็นวัตถุดิบเพื่ออัพเกรดอาวุธต่อไป

ขณะที่ปริศนา เกือบทั้งหมดจะเป็นการหาคีย์การ์ดมาเปิดประตู เพื่อเดินทางไปพื้นที่ใหม่ๆ ที่จะมีเนื้อเรื่องซ่อนอยู่ให้รับรู้ แต่แค่เปิดประตูได้ยังไม่พอ เพราะระบบจ่ายไฟฟ้าจากศูนย์กลางอาณานิคมมีกำลังผลิตไม่พอ ต้องเลือกจ่ายเป็นส่วนๆ แล้วค่อยใช้โมดูลเดินทาง (คล้ายรถไฟ) เดินทางไปค้นหาทางเอาชีวิตรอด จะเห็นได้ว่า ทุกขั้นตอนผู้เล่นต้อง “วางแผน” ตลอดครับ จะเล่นชิลๆ สบายๆ นี่ไม่ได้เลย

4.

สรุปแล้ว Subterrain เป็นเกมคุณภาพแบบไม่ต้องสงสัยครับ ทุกรายละเอียดในเกมได้รับการคิดคำนวณมาอย่างดีโดยอิงตามความสมจริง มันจะเล่นสนุกถ้าผู้เล่นมีเวลาฝึกฝนทำความเข้าใจและเปิดใจยอมรับมัน แต่มันก็ไม่ใช่ผลงานที่ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อย ด้วยความที่มันเป็นเกมจากทีมสร้างขนาดเล็ก ทำให้มันขาด “ความกลมกล่อม” บางจุดที่ตัดออกได้ หรือถ้าเป็นเกมทุนสร้างหนาๆ อาจใช้วิธีอื่นในการนำเสนอ แต่เกมนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ จึงต้องเลือกเดินตามโครงสร้างที่ตัวเกมถูกตีกรอบมาแบบนั้น ทำให้เกิดการเล่นเป็น “ลูป” หรือวงจรการเสาะหาไอเท็มไม่รู้จบ กลายเป็นสิ่งที่คุณจะเจอมากกว่าสัตว์ประหลาดดาวอังคารเสียอีก

ข้อดี

– ลุ่มลึก สมจริง บรรยากาศในเกมชวนให้กลัวตายได้แม้จะเป็นภาพ 2D ก็ตาม

– ปริศนาเนื้อเรื่องในเกมน่าติดตาม เหมือนอ่านนิยาย หรือดูหนังไซ-ไฟแนวอวกาศหลอนๆ

ข้อเสีย

– กราฟิกตกยุค ตัวหนังสือเล็ก(แม้ขยายแล้วก็ตาม) การใช้งานเมนูเอื้อใช้เมาส์มากกว่าจอยสติ๊ก

– ตัวเกมเน้นระบบ “เล่นกับไอเท็ม” มากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของ แทนที่จะมอบประสบการณ์การเล่นแบบเซอร์ไพรซ์กับเรื่องราวในเกมมากกว่า

ที่มา Thaigamewiki

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน