เติ้ล ธนพล เผยชีวิต วิกฤตเฉียดตาย งานหดหาย โรครุมเร้า เป็นไบโพลาร์

เติ้ล ธนพล เผยชีวิต / อดีตพระเอกชื่อดัง เติ้ล ธนพล เดินทางมาร่วมรายการ คุยแซ่บโชว์ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจ ถึงเรื่องที่มีรูปสายระโยงระยาง ทำหลายคนเป็นห่วง รวมถึงเล่าเรื่องชีวิตผกผันที่ผ่านมา

เติ้ล ธนพล เผยชีวิต

ย้อนกลับไปที่เราลงภาพใส่สายออกซิเจน หลายคนก็ตกใจ คิดว่าเราเป็นอะไรหรือเปล่า?
“จริงๆ มันเป็นรูปเมื่อวันที่ 1 นี่เอง แต่ผมพยายามปกปิด ไม่ให้คุณพ่อคุณแม่รู้ ต้องขอโทษด้วย เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ผมเพิ่งจะเกษียณมา อายุ 65 แล้ว ยังไม่ได้ทำวัคซีน ผมก็เลยกล่าวไปว่าเป็นเรื่องเก่ารูปเก่า ขอเล่าใหม่”

“แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดทั้งมวลเนี่ย ผมอยากจะเล่าถึงบุคลากรทางการแพทย์เฉยๆ ว่าเป็นยังไง ต่อให้คุณมีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน แต่ตอนนี้คุณซื้อความสบายไม่ได้ คุณก็ต้องไปอยู่ในห้องรวม เท่าที่เคยผ่านมาห้องสามัญชาย ก็คือห้องที่พร้อมจะเสียชีวิต บางรายเนี่ยเสียชีวิตแล้ว เพียงแค่ดึงสายออกมา เขาก็ไปแล้ว”

“อยากจะพูดถึงเรื่องของบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า เขาทำงานกันเหนื่อยมาก ห้ามเยี่ยม ห้ามมีคนเฝ้า ต้องระดมหมอ ระดมแพทย์ทั้งหมด มาเฝ้าคนไข้ แล้วคนไข้เป็นร้อยคน ที่ผมเห็น

ที่ผมผ่านมาเมื่อตอนเด็กๆ คุณแม่ทำงานอยู่ที่ ICU คุณพ่อทำงานตึกสงฆ์ ทำงาน 24 ชั่วโมง แค่นี้ผมก็คิดถึงจะตายอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะเลิกงาน เมื่อไหร่จะได้ไปเที่ยว แต่นี้ 72 ชั่วโมง 3 วัน 3 คืน ผมเห็นหน้าพยาบาลคนเดิม คุณหมอคนเดิมตลอดที่ดูแลผม ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องนี้ ให้ทุกคนฟัง”

เติ้ล ธนพล เผยชีวิต

วันที่ 1 วันนั้น มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เราถึงได้เป็นแบบนั้น?

“วันที่ 1 เราลงมาจากทุ่งสองห้อง ไปสร้างโรงเรียน แล้วเราดื่มไวน์ไปแก้วหนึ่ง แล้วเราก็รู้สึกเหนื่อย เพราะว่าวันนั้นผมขับรถจากทุ่งสองห้อง แม่ฮ่องสอน แม่สอด ลงมา 7 ชั่วโมง มาถึงนครสวรรค์ แล้วก็ขับจากนครสวรรค์มาที่สิงห์บุรี มาทานข้าว เรารู้สึกว่าเราเหนื่อย เลยจอดพักดีกว่า เช้าเราค่อยกลับ

ก็ดื่มไวน์ไปแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นอาการมันออก ท้องมันเริ่มบวม พอเข้าห้องอาบน้ำเสร็จ มันก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่ในความโชคดีเนี่ย 2 ชั่วโมงกว่า บุคลากรทางการแพทย์ หรือว่ากู้ภัยก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะว่าไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ทั้งกระอักเลือด ทั้งนอนตาเหลือกไปแล้ว”

อาการวันนั้นมันเป็นอะไร เราถึงกระอักเลือด?

“ไม่รู้ตัวแล้วครับ จำได้แค่ว่ามันเพลียแล้วก็รู้สึกปวดท้อง พอออกมาหัวผมก็ล้มฟาดไปกับโต๊ะ แล้วก็กระอักเลือด (ตอนนั้นมีคนอยู่ด้วยไหม) มีๆ”

 

แล้วเราได้ไปโรงพยาบาลตอนไหน?

“หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมงครับ เพราะว่าต้องรอเครื่องปฐมพยาบาลเอย รอคนใจกล้าเอย รอชุด PPE มา ก่อน 2 ชั่วโมงกว่า ต้องนอนอยู่อย่างนั้น”

ตอนนั้นรู้สึกตัวไหม?

“มารู้สึกตัวตอนที่มีคนกรี๊ดๆ เยอะๆ มีฝรั่งมาดู แล้วก็ถามว่า ยูโอเค? เราก็ตอบ โนๆ ไม่โอเค ฝรั่งเขาคิดว่าผมโดนแทง ทะเลาะกับแฟนแล้วโดนแทง เขาบอกว่ายูต้องนอนตะแคงนะ (หัวเราะ) เราก็ก็บอกโน ไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น คือเราก็พอมีสติอยู่บ้างครับ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย”

พอถึงโรงพยาบาล คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?

“เขาก็มาโน่นนี่นั่น มาเจาะ 6-7 รู ให้เลือด ให้ยาหยุดเลือด แต่มันมีจุดฮาอยู่นะครับ ฮาตรงที่ว่า ตั้งแต่เกิดมาในโรงพยาบาลเนี่ย ผมเพิ่งเคยได้ยินว่า ขอโทษนะคะ เดี๋ยวเราจะทำการระเบิดกระสวย คือสวนท่อฉี่ เพราะว่าเราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ศัพท์ใหม่ ขยายกระสวย”

เติ้ล ธนพล เผยชีวิต

ตอนนั้นเราขยับตัวไม่ได้เลย? “พอได้ครับ เริ่มรู้ตัวขยับได้ แต่น้อยมาก เพราะว่าเราช็อก เราเสียเลือดไปเยอะ ต้องเข้าห้อง ICU ครับ เพราะทุกอย่างทำงานเพี้ยนไปหมด น้ำตาลขึ้นไป 190 ทั้งๆ ที่ไม่เคยกินน้ำตาล คุณหมอบอกว่าเขาเป็นโรคเบาหวานหรือเปล่า เราก็บอกไม่ใช่ๆ ครับ ผมไม่กินหวาน แต่เหมือนกับว่าระบบมันรวนหมด”

หมอได้บอกไหม ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นโรคอะไร? “เกิดจากตับโป่งพองครับ จึงทำให้เส้นเลือดในทางเดินอาหาร มันพองตัว เหมือนกับห้อเลือด แล้วมันระเบิดออกมา พอระเบิดแล้วมันไม่สามารถหยุดได้ เพราะลำไส้ของเรามันขยับตลอดเวลา มันก็เหมือนกับว่า เราขยับตลอดเวลา มันก็จะออกมาเต็มกระเพาะ จะต้องใส่สายเข้าไประบายเลือดออกมา แล้วก็ฉีดน้ำเกลือเข้าไปล้างในกระเพาะ”

เกิดจากที่เรากินไวน์เข้าไปด้วยหรือเปล่า? “เป็นส่วนหนึ่ง แต่เป็นส่วนน้อย อาการมันผสมผสานกัน ระหว่างที่เราขึ้นไปบนดอยด้วย เส้นทางมันค่อนข้างจะลำบาก แต่ไม่ใช่เพราะความกดอากาศนะ คือมันโยกไปโยกมา มันสะเทือน เลยสะสม คุณหมอบอกว่ามันอาจจะค่อนๆ ออก แล้วมันเต็ม มันก็มาดันปอด สุดท้ายแล้วมันระบายออกไม่ได้”

มันสามารถเกิดกับทุกคนได้ไหม? “สามารถเกิดกับคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับ แล้วก็เป็นสภาวะเดียวกับผม ซึ่งมันไม่มีทางหาย นอกซะจากว่าต้องดูตัวเอง คุณหมออธิบายว่า ตับเนี่ยไม่ชอบอยู่ 2 อย่าง คือแอลกอฮอล์และของหมักดอง ให้หลีกเลี่ยง แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วครับ ล่าสุดที่ไปตรวจเนี่ย เหลือแค่จุดหนึ่ง เท่ากับครึ่งเม็ดถั่วเขียว”

เติ้ล ธนพล เผยชีวิต

ก่อนหน้านี้เรามีโรคประจำตัวอยู่ก่อนไหม? “ไม่มีครับ เราก็เพิ่งมารู้ว่าเป็น เราตรวจสุขภาพตลอดครับ”

ต้องหยุดแอลกอฮอล์ไปเลยไหม? “เรียกว่าเลิกเลยดีกว่า คุณหมอบอกว่าถ้าเป็นอีก ครั้งนี้ไม่ต้องมาแล้ว (หัวเราะ) คงมาไม่ทันแล้ว คงไปอีกที่หนึ่ง ไปสวดดีกว่า”

ก่อนหน้านี้เราดื่มหนักมากจนตับเป็นแบบนี้เลยหรือเปล่า? “ถ้าเป็นคนธรรมดา ผมว่าดื่มไม่หนัก แต่เราไม่ทานข้าวมากกว่า กินตอนท้องว่า เพียวๆ เลย มันก็เลยไปกัดกระเพาะ แล้วก็เป็นลำไส้พองขึ้นมา”

คิดไหมว่าเราอาจจะเสียชีวิตได้นะ ถ้าเราไปหาหมอไม่ทัน? “ทุกครั้งที่คุณหมอเข้ามาบอกว่า เลิกนะ เพราะว่าอาจจะช่วยไม่ทัน มันมีสภาวะความเสี่ยงสูงมาก เลิกนะ คราวนี้เลิกนะ เราก็ครับๆ คุณหมอ”

ถึงขั้นติดแอลกอฮอล์เลยไหม?

“ไม่ได้ติดครับ ผมแค่ดื่มให้หลับ ผมต้องการหลับ จากที่เราใช้ยานอนหลับ แล้วเรารู้สึกว่า เราทำลายสมองส่วนกลาง จนมันลืมไปหมด เราคุยกันอย่างนี้ แต่อีกสักพักผมลืมแล้ว ว่าผมคุยอะไร ก็เลยเลิก แล้วมาใช้แอลกอฮอล์แทน เพราะมันสลายออกง่าย ภายใน 24 ชั่วโมง แต่มันกลับไปทำร้ายร่างกายมากกว่า”

แอลกอฮอล์ลิซึ่มไหม?

“ไม่ใช่ครับ เพราะว่าเราสามารถหยุดได้เลย ตอนที่เข้าโรงพยาบาล ผมมีเพื่อนอยู่ 3 คน คือปลายเท้าจะเป็นลุงเนื้อเปื่อย ข้างๆ นี่เป็นลุงน้ำตาล ส่วนบนหัวจะเป็นลุงลิซึ่ม”

เราดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนนานไหม?

“เป็นปี เรียกว่าสะสม มันหลับได้จริง แต่หลับไม่นาน บางทีตีหนึ่งตีสองก็ต้องตื่นขึ้นมา ตื่นก็จิ๊บใหม่”

เราเครียดเพราะเราไม่มีงานด้วยหรือเปล่า?

“เรียกว่าทุกอย่างดีกว่า ทั้งไม่มีงานทำ เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นคนที่ทำงานเจ็ดวัน 24 ชั่วโมง รับละครทีละ 3-4 เรื่อง วันดีคืนดีมาก ไม่ได้ถ่ายละคร ไม่มีงานขึ้นมาเฉยๆ มันเหมือนตายทั้งเป็น ไม่รู้จะทำยังไง ไปไม่ถูก มันเครียดมากครับ”

ตอนนั้นอยู่โรงพยาบาลนานไหม?

“ครั้งละห้าวัน เข้าโรงพยาบาลสองครั้ง รอบแรกเข้าที่โรงพยาบาลเปาโล ห้าวันเป็นหลักล้าน รอบสองเมื่อวันที่ 1 นี้เอง อีกห้าวัน รอบสองไม่ต้องจ่ายคุณพ่อผมเป็นหัวหน้าห้องทำบัตรทอง ก็เบิกได้ครับ”

ตอนที่รู้ว่าเป็นภาวะตับเสื่อมตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง กลัวว่าเราจะรอดหรือไม่รอดไหม?

“ส่วนตัวไม่กลัวตาย เพราะว่ากินยาด้วยกินเหล้าด้วย คุณพ่อบอกว่ามันอันตรายมาก เรารู้สึกว่าชีวิตมันไรค่า อยู่ไปก็เท่านั้น ไม่กลัวตาย แต่พอเข้าโรงพยาบาลคำว่าไม่กลัวตายมันไม่ใช่แล้ว มันกับกลายเป็นว่าเราไม่อยากเป็นภาระใคร มันมีคำนี้ขึ้นมาแทน มันเลยกลัวการมองเพดาน นอนติดเตียงอยู่ห้าวัน โดยที่ขยับตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันทรมาน”

แสดงว่าก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่า ไม่มีงานเราตายดีกว่า?

“ใช้ กล้าพูดตรงๆเลยว่า ตายดีกว่า”

เรากลัวไหมว่าดื่มเหล้าเยอะมันจะทำรายสมองเรา?

“ไม่กลัวเลย เพราะว่ามันทำลายไปแล้ว กว่ามันจะฟื่นฟูมากได้ โห.. เรื่องหนึ่งคิดเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง เรื่องนึงคิดเป็นครึ่งวัน อันนั้นเราไปทำอะไรว่ะ ยิ่งคิดยิ่งเครียด”

เราเป็นภาวะซึมเศร้าหรือเปล่า?มันคือไบโพลาร์ มันเกินคำว่าซึมเศร้า มันเป็นไบโพลาร์ที่คิดจะกลัวก็กลัวขึ้นมาเลย คิดจะเป็นอะไรก็เป็นได้”

เราบำบัดตัวเองยังไง? “ผมบอกได้คำเดียวเลยคือออกกำลังกายสู้กับมัน ทำใจให้เข้มแข็งออกกำลังกาย”

แต่ไม่ถึงกับคิดลาโลกนี้?

เคยคิด แต่ไม่มาก มีแว๊บเข้ามา ทำยังไงดีว่ะ ทรมารน้อย ทรมารมากไม่เป็นไร ให้ศพสวยทำไง สรุปแล้วไม่เอาดีกว่า เป็นหนทางที่ผิดไม่แนะนำครับ แนะนำให้สู้อยู่กับมันให้ได้ ตอนที่ผมตกต่ำมากๆ พี่เจี๊ยบ เชิญยิ้ม สอนผม เรียกผมไปคุย มึงต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะว่าพี่เจี๊ยบห่างกับผม 12 ปี เกิด วันเดียว เดือนเดียวกัน นักสัตว์เหมือนกัน ดวงค่อนข้างเหมือนกัน มึงต้องอยู่กับมันให้ได้ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาหาพี่อย่าหายไป”

รับได้ไหมจากที่เราเคยเป็นพระเอกกลับมาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา?

“เคยไปนั่งร้องไห้ด้วย เห็นกองถ่ายเค้าเดินไปเดินมา เรารู้สึกว่างานเราจะไม่ได้ทำแล้วหรอ หรือว่าเราจะอยู่ในรถ นั่งมองเค้าแบบนี้หรอ แล้วก็ร้องไห้ออกมาเองมันเป็นความเศร้ามากๆ”

ถามถึงเรื่องที่เราโพสต์ว่ามีคนคุกคามและจะฟ้องคนที่เข้ามาด่าเรา?

“ผมไม่ได้อยากที่จะทะเลาะเองเพราะว่าผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร เราเป็นกัลยานิมิตรที่ดีต่อกันมาตลอด แต่วันนึงผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันว่าอยู่ดีดีเค้ามาด่าผมทำไม ผมเลยเลือกที่จะไม่ทะเลาะเองให้ทนายเป็นคนคุย เพื่อนฝูงของผมก็บอกว่าเราจะไม่รับคำขอโทษ เราไม่รับอะไรทั้งนั้น เราจะขอเป็นเงินไปบริจาคให้กับทางโรงพยาบาล เพราะว่าผมออกจากโรงพยาบาลมาผมก็โดนด่า ถ้าอย่างนั้นเราก็เอาเงินไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลดีกว่า”

เรารู้จักกับคนที่ว่าเราไหม?

“รู้จักดีเลย พอรู้สาเหตุว่าทำไมเค้าถึงทำ แต่พูดไม่ได้”

เราติดต่อถามเขาไหม ว่าทำไมถึงโพสต์อย่างนี้?

“ไม่ครับ ด่าผมไม่มีเหตุผลแบบนั้น ผมคงไม่คุยแล้วให้ทนายคุยดีกว่า น่าจะรู้เรื่องมากกว่าหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการคุยกัน ตั้งแต่เที่ยงคืนยันตีสี่โดนด่าประมาณนั้นนะครับ ก็งงอยู่เหมือนกัน มีเพื่อนในวงการถามว่าทำไมเค้าด่าหนักขนาดนั้นก็บอกเขาว่ากูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

หลังจากนี้เราจะจัดการกับชีวิตเราอย่างไรบ้างทั้งเรื่องคดีความและเรื่องสุขภาพ?

“อันดับแรกทำใจอยู่กับมันให้ได้ พยายามให้กำลังใจตัวเอง พยายามอย่าไปเครียดกับมัน ไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็น ทุกคนก็เป็น อยู่กับมันให้ได้ยิ่งเครียด ยิ่งทำร้ายตัวเองยิ่งเกลียดยิ่งไป”

คดีความที่ผ่านมาของเราจบหมดหรือยัง?

“หมดแล้วครับเหลือเรื่องไฟอย่างเดียว แต่ก็ชดใช้ไปหมดแล้ว”

ตอนนี้เราถือว่าเป็นบุคคลล้มละลายได้ไหม?

“ไม่ถือว่าเป็นบุคคลล้มละลาย อะไรที่ไม่จำเป็น อะไรที่ยอมสละได้ ต้องสละเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ สิ่งสำคัญคือคนรอบข้างและที่อยู่อาศัย ธุรกิจอะไรที่ล้มไปอะไรยอมได้ก็ต้องยอม”

ตอนนี้พ่อรู้แล้วว่าเราเพิ่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่หนึ่งเพราะว่าอย่างไรบ้าง?

“ช็อคพ่อบอกว่าจริงๆ เค้าไม่ได้กลัวหรอกโควิด แค่ใส่แมสก์เดินเข้าไปเยี่ยมก็บอกว่า ป๊า ข้างๆ เป็นตึกโควิด ผมก็เลยเริ่มโครงการกับพี่ๆ ว่าบุคลากรทางการแพทย์หรือโรงพยาบาลไหนต้องการอะไรเราจะทำไปบริจาค”

หลังจากนี้วางแผนเรื่องงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?

“ตอนนี้มี มั่งมีศรีสุข ที่ยังไม่ได้อ่อนแอ หลังจากนี้ต้องเข้าไปกราบขอโทษผู้จัดทุกๆ ท่านที่ตอนนั้นเราไม่พร้อมทำงานหรือว่าเราทำผิดพลาดไป เราก็อยากที่จะกลับมาทำงานไม่ว่าจะบทไหนมันเป็นสิ่งที่เราถนัดและทำมาตลอดชีวิต”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน