‘เจมส์ มาร์’อัพเลเวลแสดง – พระเอกตี๋ ‘เจมส์ มาร์’ พัฒนาฝีมือแสดง สวมบท ‘วาริท’ ในละคร “สองเสน่หา” ทางช่อง 3 ประกบคู่นางเอกสาว ‘คิม’ คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ที่รับบทแฝด ‘เดือนหยาด’ และ ‘พิลาสลักษณ์’

วันนี้จังหวะดี วันนี้วันเกิด เจมส์ มาร์ ครบ 28 ปีพอดี มาเจาะลึกถึงบทบาทที่เจ้าตัวได้รับ รวมถึงเรื่องหัวใจที่ครองโสดมานาน

คาแร็กเตอร์ ‘วาริท’ ใน “สองเสน่หา” เป็นอย่างไร?

เจมส์ – “เป็นบทที่โตเกินตัวมากๆ เป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน แยกกันอยู่กับภรรยา การทำงานที่ ล้มเหลว เขามีจุดบกพร่องแต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมว่ามันคือเสน่ห์ของคุณ วาริธ เป็นคนไม่เพอร์เฟ็กต์แต่พยายามทำทุกอย่างให้เพอร์เฟ็กต์

ความท้าทายของละครเรื่องนี้อยู่ที่ความโตของตัวละคร เรื่องนี้กลับมาร่วมงานกับคิมอีกครั้ง หลังเจอกันใน เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ ก็ดีใจครับ เพราะเป็นเพื่อนกัน ได้เจอกันอยู่เรื่อยๆ ทำให้สนิทกัน พอมาละครเรื่องนี้การทำงานมันยาก ทั้งเรื่องแฝด ตัวละคร เรื่องราวที่เกิดขึ้น เลิฟซีนก็ ดุเดือด เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่พอได้ทำงาน กับคิมมันทำให้การทำงานง่ายขึ้น จากยากไปง่ายใช้คำนี้ดีกว่า”

เราได้รับเอฟเฟ็กต์จากที่คิมเล่นเป็นแฝดด้วย?

เจมส์ – “ครับ การถ่ายทำบทแฝดต้องถ่ายทำมากขึ้น ต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ผมมีประสบการณ์การเล่นแฝดจากกลิ่นกาสะลอง มาแล้ว ค่อนข้างชิน คิมก็มีติดคาแร็กเตอร์เผลอหลุดเหวี่ยงในกอง เราสนิทกันจนรู้ว่าถ้ามีซีนไหนที่เขาหงุดหงิดพอออกมาแล้วไม่ได้ดั่งใจ มันก็จะชัดเจนด้วยคาแร็กเตอร์ที่หลุดออกมา เราก็อยากให้เขาสบายๆ ชวนคุย หาอะไรกินให้เขารีแล็กซ์

เพราะจริงๆ ผมเจอแบบนี้ตั้งแต่ทำงานกับญาญ่า (อุรัสยา) แล้ว คนที่เขารับบทหนักขนาดนั้นจะเครียดง่าย เราก็ซัพพอร์ตและดูแลในฐานะเพื่อนร่วมงาน เป็นการแบ่งเบาภาระที่เขาต้องรับอยู่ ก็ให้กำลังใจกันครับ ทำให้ทำงานด้วยกัน ราบรื่น เข้าใจซึ่งกันและกัน สนุกด้วยครับ”

เรื่องนี้มีถอดเสื้อโชว์บอดี้ เป็นอีกหนึ่งจุดขายของเรา?

เจมส์ – “เรื่องถอดเสื้อมีมาเรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นคนที่ฟิตร้อยเปอร์เซ็นต์ เล่นบ้างไม่เล่นบ้างเมื่อก่อนนะครับ แต่พอเรื่องนี้มีโจทย์ว่าพี่ขอแบบโต ลุกส์แข็งแรง ขอแบบชัดมากๆ เพราะจะเป็นจุดขายเรื่องของซีนที่เน้นโชว์ความแข็งแรงของคุณวาริธและไลฟ์สไตล์ ก็เลยทำให้เราต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราด้วย ไปออกกำลังกายมากขึ้นเท่าตัว ให้ความสำคัญในเรื่องการกินอาหารที่ดี ทำยังไงก็ได้ให้หุ่นออกมาดีที่สุด ซึ่งส่วนตัวผมเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหุ่น มันก็เพื่อความสมบูรณ์ของคาแร็กเตอร์แหละครับ ก็พอใจที่ฟีดแบ็กออกมาแล้วคนดูโอเค”

ถ่ายทำจบไปนานแล้ว ก็ยังคงออก กำลังกายหนักรักษาหุ่นไว้เหมือนเดิม?

เจมส์ – “ใช่ เพราะเรื่องต่อไป ดวงตาที่สาม พอรู้ว่าถอดเสื้อได้เขาก็ให้ถอดเสื้อเลย มีโชว์บ้างแต่ไม่เน้นเท่าเรื่องนี้ ส่วนตอนนี้การมีไลฟ์สไตล์ที่แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ กินของที่มีประโยชน์และกินให้เพียงพอกับร่างกาย ผมว่าก็เป็นเรื่องดี ไหนๆ ทำมาได้จากเรื่องนั้นก็ทำต่อไปดีกว่าครับ”

 

เป็นอีกหนึ่งคนที่ทุ่มเททุกบทบาทที่ได้รับ เรามองเห็นพัฒนาการทางการแสดงของตัวเองยังไงบ้าง?

เจมส์ – “ผมว่าผมสามารถเข้าถึงตัวละครที่โตขึ้นได้ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น รู้สึกว่าแยกความเป็นธรรมชาติของตัวละครแต่ละคนออกได้ดีแล้วก็ทำให้คนดูรัก เกลียด ชอบตัวละครเราได้ อินไปกับตัวละครเราได้ อย่างคุณวาริธนี่ชัดเจนเลย ตอนที่เขาไม่ชอบตัวละครก็ไม่ชอบเลย อันไหนที่เขาชอบก็ชอบเลย สิ่งนี้ผมว่าเป็นพัฒนาการที่เรารู้สึกได้จากคนดู คนดูไม่ได้แค่ชอบเราในฐานะที่เราเป็นนักแสดง แต่คนดูมีความรู้สึกกับตัวละครด้วย ซึ่งเป็นอีกขั้นหนึ่งที่ทำให้เราดีใจครับ”

เรื่องต่อไป ดวงตาที่สาม แตกต่างจากเรื่องนี้ไปเลย?

เจมส์ – “แตกต่างมากๆทั้งอายุ คาแร็กเตอร์ ที่มาที่ไปของตัวละคร ดวงตาที่สาม จะอายุประมาณ 25 เป็นเด็กต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อตามหาความรัก มีสัมผัสพิเศษมองเห็นวิญญาณ มองเห็นผี เป็นบทบาทแบบคอมเมดี้ที่ทุกคนจะได้เห็นผมเล่นครั้งแรก และจะได้เห็นผมในอีกฟีลหนึ่งที่สบายๆ ขึ้น”

ถามถึงเรื่องความรัก เป็นคนที่โสดมาตลอด อยากมีแฟนไหม?

เจมส์ – “ผมเชื่อว่าทุกคนต้องอยากมีแฟนอยู่แล้ว แต่ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องของการจะไปหาใครสักคน เราอยู่กับตัวเองได้ ไม่เหงา การต้องไปค้นหาไปเจอใครสักคนมันรู้สึกไม่ใช่ตัวเรา ไม่ได้บอกว่าผิด แต่ไม่ใช่ทางผม ถ้าผมจะเจอและชอบใคร อยากให้การชอบใครคนนั้นเกิดขึ้นด้วยความรู้สึกธรรมชาติ ณ ตอนนั้น เกิดขึ้นเองโดยเราไม่ได้พยายามจะไปหา ให้เกิดขึ้นเพราะโชคชะตาหรือพรหมลิขิตที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”

มีความสุขกับชีวิตโสดดี?

เจมส์ – “ใช่ครับ ตอนนี้เรามีความสุขกับไลฟ์สไตล์ของเรากับสิ่งที่เรามี และไม่ได้รู้สึกเหงาถึงขั้นที่จะต้องรีบมีแฟน เมื่อไหร่เมื่อนั้นครับ”

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน