รัฐต้องฟัง! คิง ก่อนบ่าย ส่งเสียงแทนประชาชน วอนออกมาตรการเยียวยาให้ชัดเจน สั่งหยุดอยู่บ้าน สั่งธนาครหยุดดอกเบี้ย

กรณี ดารานักแสดงตลกชื่อดังชาว คิง ก่อนบ่าย หรือ นายณภัทร ชุ่มจิตตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว “ระบุว่า ถ้ายังปล่อยให้ประชาชนต้องอดตาย ผมคงไม่มีใจเชียร์รัฐบาลหรอก ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกเราต้องรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เรียกร้องความถูกต้องมากกว่าความถูกใจหยุดด่ากัน แล้วมามีเป้าหมายเดียวกันคือ รัฐบาลที่บริหารงานผิดพลาด และทำให้ประชาชนอย่างพวกเรากำหนดชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้

ล่าสุด (19 ก.ค.) เจ้าตัวเปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ ว่าอยากเป็นเสียงให้กับประชาชนที่กำลังเดือดร้อน

“ผมมองว่าวิกฤตมันบานปลายมันยาวมาจะ2ปีแล้ว มันยังมองไม่เห็นทางออกเลยกับการที่ภาครัฐเค้าตัดสินใจ บอก 14 วันเดี๋ยวจะออกยาแรง นู่น นี่ นั่น มันจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน . และในเมื่อสังคมยังมีให้เห็นอยู่ว่า พออีกฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น ก็จะถูกผลักให้เป็นฝั่งตรงข้ามไปตลอด มันก็จะเกิดความขัดแย้งกันเกิดขึ้นในสังคม มันก็จะไม่เกิดการร่วมมือร่วมแรงที่จะแก้ปัญหา

ตอนนี้เราต้องมองให้ออกก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร เรามาผ่านปัญหาวิกฤตนี้ก่อนไหม มาร่วมมือร่วมใจให้มันผ่านตรงนี้กันไปได้ก่อนแล้วส่วนอื่นมาว่ากันทีหลัง

คืออย่างทุกวันนี้ คนที่เค้าออกมาเรียกร้องอันนั้นคือประชาชนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ อย่างตัวเราเองก็ได้รับผลกระทบ เพียงแต่ว่าภูมิต้านทานของเราอาจจะแข็งแรงกว่าชาวบ้าน คนที่หาเช้ากินค่ำแค่นั้นเอง แต่ถ้าเรามามองในหลักความจริงแล้ว ตอนนี้เราต้องเป็นปากเป็นเสียงแทนเค้า

ที่ผมโพสต์ไปมันชัดเจนเลยว่าเราควรอยู่ข้างประชาชนได้แล้ว เราควรออกมาช่วยกันเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน เมื่อเรารวมพลังกันมากๆ ภาครัฐต้องฟังพวกเรานะ ต้องฟังเสียงของประชาชนนะ เค้าออกกันมาได้ขนาดนี้เค้าเรียกร้องกันได้ขนาดนี้แล้ว แปลว่ามันมีปัญหาจริงๆนะ

มันไม่ใช่แค่เกมการเมืองแล้วนะ มันคือความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ เราจะเห็นใช่ไหมว่า ประชาชนเรียกร้องให้ดาราศิลปินมา call out ถ้าผู้ใหญ่ไม่เปิดใจรับฟัง มันมีผลกระทบแน่นอน

คุณมาเรียกร้อง แปลว่าคุณมีผู้เป็นผู้ขัดแย้ง คุณออกตัวแรง งั้นฉันแบนคุณ งั้นไม่เอาคุณ แล้วอย่างนี้ใครจะกล้ามาเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้าน

อย่างผมผมก็ติดตามการเมืองและเรื่องปากเรื่องท้องของชาวบ้าน และเป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบ เราก็กล้าพูด ถ้าบอกว่าพูดแล้วตกงานทุกวันนี้ก็ตกงาน

เค้าไม่ให้เราทำงาน ทั้งที่นักแสดง ก็คืออาชีพ แต่ข้ออะไรที่เค้าออกมามันคุมเครือทั้งหมด มันไม่สามารถที่จะให้ประชาชนหรืออาชีพที่เค้าทำงาน มันทำงานได้ต่อ

ห้ามรวมตัวกันเกิน 5 คน ทำกิจกรรมทางสังคม และกองถ่ายล่ะ ทำเพื่อปากเพื่อท้องนะ เรามีมาตรการนะ ก็ยังปิด แคมป์โรงงานถูกปิด แล้วมาตรการรองรับเขาคืออะไร ที่บอกว่าช่วย 50% ช่วยเขาหรือยัง

อย่างผมจะทำบุญเปิดบริษัท จะเอาของไปถวายพระเลี้ยงเพลพระ เราเลยเปลี่ยนเอาเงินไปซื้อข้าวสาร ไข่ไก่ เพื่อที่จะเอาไปแจกแคมป์คนงาน

ผมเชื่อว่าข้าวสาร1ถุง 5กิโล กับไข่สาม 30 ฟองต่อครอบครัว ผมว่าเค้าอยู่ได้อย่างน้อยอาทิตย์หนึ่ง มากสุดก็ 10 -15วัน หรือเป็นเดือน มันเห็นประโยชน์กว่าเราก็อยากทำ

เราเชื่อว่าเราเดือดร้อน แต่ว่ามีคนที่เดือดร้อนกว่าเราแน่นอน คนหาเช้ากินค่ำ คนทำงานรายวัน”

ออกมาพูด ยอมแลกกับการที่จะโดนแคนเซิลงาน?

“ถูกต้องครับ ถามว่าผมเป็นดารานักแสดงด้วย ทำวงดนตรีด้วย ซึ่งวงดนตรีตั้งแต่ปีที่แล้วที่เราไม่ได้ทำงานเลย แล้วเราก็พูดแทนเสียงพี่น้องนักดนตรี ทุกคนก็มีครอบครัวต้องกินต้องใช้

เราปิดเค้าแล้ว เราหยุดเค้าแล้ว เราเยียวยาอะไรเค้าหรือยัง เรามีช่องทางให้เค้าอยู่รอดหรือยัง เค้าทนมาจะ2ปีแล้ว ตกงานจะสองปีแล้ว เค้ามีภาระหน้าที่ทั้งหมด เราก็มาเป็นปากเป็นเสียงแทนเค้าว่าหามาตรการอะไรหน่อยไหม ที่จะมาช่วย

ในเมื่อคุณบอกว่า ให้หยุด 14 วัน เพื่อที่จะได้จบ แล้วมันจบไหม แล้วมันจบแล้วก็ยังไงต่อ เหมือนเราเข้าเวรทุก 14 วัน ทุก 14 วัน เราก็วางแผนอนาคตไม่ได้เลย

แต่ความเป็นจริงที่มันสวนทาง สถาบันการเงินเอย ธนาคารเอย ดอกเบี้ยเดินอยู่ตลอด ทำไมไม่หยุด จะหยุดก็หยุดให้มันพร้อมกัน

ให้ธนาคารหยุด ให้ไฟแนนซ์หยุด ทุกวันเนี่ย พอเค้าโทรมาทวงมันเหมือนการซ้ำเติมประชาชนไหม มีค่าทวงถาม มีค่าปรับ ค่าดอกเบี้ย โอเค หยุดต้นให้ แต่ดอกเบี้ยเดินทบต้น

ถามว่าทำไมกล้าพูด กล้าเอาใบเสร็จมาให้ดูเลย ทุกวันนี้ส่งไปให้จ่ายแต่ดอก ต้นหลักร้อย ดอกหลักพัน แต่เราก็ต้องทนต้องทำ

แต่ถามว่าถ้าจะให้ประชาชนอยู่บ้าน มันต้องหยุดทั้งระบบหยุดหมดเลยทุกแบบทุกอย่าง และมาตรการ 2 3 4 ตามมา ต้องเข้าให้ทัน ไม่ใช่ประกาศแล้วรอ ประกาศแล้วรอ เราวางแผนอนาคตอะไรไม่ได้เลย

ก็ถึงบอกไงครับว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม ว่าผมจะอยู่ข้างไหนยังไง ถ้าคุณจะเอาไปเป็นเกมการเมือง ผมบอกเลยว่าผมอยู่ข้างประชาชน ประชาชน เค้ากำลังเดือดร้อน

กว่าเราจะได้มาทุกวันนี้ได้ก็เพราะประชาชนให้การสนับสนุนถูกไหม ถ้าเค้าไม่ดูผลงานเรา ไม่มีหรอกชื่อ คิงก่อนบ่าย เรตติ้งมาจากประชาชน เรตติ้งไม่ได้มาจากนักการเมือง

เพราะฉะนั้นวันนี้ ประชาชนให้เป็นปากเป็นเสียงให้ เราควรออกมาเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน เราไม่ได้จะโจมตีอย่างเดียว แต่เราเสนอแนวทางไปแล้ว ท่านแค่รับฟัง เอาไปประชุม ไปพิจารณาแล้วนำกลับมาทำ

เมื่อวานผมเอาของไปที่โรงพยาบาลสนามโรงเรียนบางบัวทอง ก็ได้มีโอกาสคุยกับหมอที่เขาดูแล ในเมื่อตอนนี้บุคลากรไม่เพียงพอ มันมีโอกาสมาที่เราจะเอานักศึกษาแพทย์ทั่วประเทศมาช่วยเหลือเป็นด่านหน้า แล้วแพทย์ที่สำคัญๆค่อยไปดูเคสหนักๆ

เห็นเค้าบอกว่าเหมือนมีการคุยแต่ยังไม่เคาะ เท่ากับว่าเรายังไม่ถึงคราวเคราะห์ใช่ไหม คือนักศึกษาแพทย์เค้าเรียนเพื่อที่จะได้เป็นหมอพยาบาลอยู่แล้ว ให้เค้ามาทำตรงนี้เพื่อที่จะฝึกงานจริง มาช่วยดูแลเบื้องต้น

ทั่วประเทศมีนักเรียนกี่คน กระทรวงสาธารณสุข คุยกับ กระทรวงศึกษาธิการสิ สำรวจก็รู้แล้ว ว่าใครมีความสามารถด้านไหน มันหมดเวลาที่จะมากั๊ก ว่าไม่ใช่คนของฉัน ไม่ใช่นู่นนี่นั่น มันต้องร่วมกันออกมาทำให้มันจบทีเดียว

วัคซีนก็ต้องเร่งนำเข้ามา ทุกวันนี้ผมฉีดสองเข็มแล้ว แต่ก็ยังต้องมีเข็มสามเลย . ซึ่งอ้าว…ไหนตอนแรกบอกฉีดสองเข็มแล้วอยู่ได้ ความเชื่อมั่นมันเลยไม่มีไงครับ ประชาชนก็เลยงงว่ามันคืออะไร คนก็จะรอวัคซีนทางเลือกมากขึ้น แล้วกับการที่ภาครัฐรณรงค์ให้คนไปฉีดวัคซีน ความเชื่อมั่นมันคืออะไรงงไปหมด .

วันนี้บอกฉีดผสมได้ ตอนเย็นบอกไม่ ได้ขอศึกษาก่อน เช้าสั่งเปิดเย็นสั่งปิด ตอนนี้ภาพมันเป็นแบบนี้ ภาครัฐต้องยอมรับความจริงว่าเหมือนคุณไม่คุยกัน นี่คือความเดือดร้อนที่ประชาชนอย่างเราไม่สามารถวางกรอบกำหนดอนาคตตัวเองได้”

เห็นบอกว่าเป็นศิลปินดาราก็ควรจะออกมาcall out เป็นเสียงให้ประชาชน แบบนี้อยากจะให้เพื่อนร่วมสายอาชีพของเราออกมาไหม? “จริงๆตรงนี้มันเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้อินแบบเราก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าถ้ามีโอกาสแค่สะท้อนความจริง

เราบอกได้เลยว่าเราไม่ได้เล่นเกมการเมือง แต่เรากำลังสะท้อนความจริง ถ้าเราเดือดร้อนจริง ญาติพี่น้องเราเดือดร้อนจริง เราก็ออกมาพูดแทนประชาชน ถือว่าพูดแทนญาติพี่น้องเราก็ได้

ผมยกตัวอย่าง ผมบอกว่าผมไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่เดือนเมษา ผู้เฒ่าผู้แก่ละแวกแถวบ้านก็ล้มหายตายจากไปทีละคนสองคนเพราอายุก็เยอะแล้ว เราก็ไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ ไปเจอหน้าญาติได้ เพราะเราก็ไม่กล้าไปไม่กล้าที่จะไปเป็นจุดเสี่ยงให้ชาวบ้านเค้ากังวลใจ

อย่างคนใกล้ตัว พ่อแม่ อาเป็ด เชิญยิ้ม เสีย ก็ยังไม่ได้กอดไม่ได้ลาอะไรเลย เราก็มาคิดว่า ถ้าวันนึงล่ะ ถ้าเกิดพ่อเรา หรือญาติพี่น้องเราไปติดโควิดแบบนั้น เราก็จะไม่มีโอกาสได้เจอเลยใช่ไหม เป็นสิ่งที่แบบหดหู่มาก

 

แล้วต่อไปนี้ เชื่อว่าประชาชนจะคิดว่า ติดโควิดตายไหม ตาย มีโอกาสตาย! หยุดอยู่บ้านโดยไม่มีงานทำ ก็มีโอกาสตาย มีโอกาสอดตาย เพราะฉะนั้น เค้าจะเลือกแล้ว กูไม่ยอมอดตาย กูขอไปทำงาน ติดก็ช่างมัน ตายเป็นตาย มันจะกลายเป็น “ตายเป็นตาย” ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ ผมเชื่อว่าคุมยาก

ผมฝากไว้นะครับ พนักงานหรือผู้จัดการผู้บริหาร หรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับปากท้องประชาชน ผมบอกเลย ถ้าเสียของท่านมี เวลาท่านประชุม ท่านลองคุยกับหัวหน้างาน ท่านผู้บริหารของท่าน ว่าช่วงนี้ พอมีมาตรการอะไรที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างถึงที่สุดไหม

เพราะการตามโทรทวงหนี้แต่ละครั้ง มันคือการไปซ้ำเติมชาวบ้าน จำในวันที่เค้ามีเครดิตที่ดี คุณไปเสนอทุกอย่างให้กับเค้า ให้มาใช้บริการของคุณ ทั้งซื้อประกัน ทั้งบัตรเครดิต ต่างๆ

แต่พอในวันนี้ วันที่ประชาชนล้ม ไม่ได้ล้มด้วยตัวเค้าเอง แต่ล้มเพราะถูกภาครัฐกำหนด ท่านจะยื่นมือช่วยเค้าได้ยังไง เก็บไปพร้อมกันไหม เดี๋ยวพอมันหายเรามาฟื้นฟูแล้วมาต่อด้วยกัน

เชื่อว่าถ้าคุณช่วยเค้าในตอนนี้ เดี๋ยวเค้าฟื้นกลับขึ้นมาได้คุณคือฮีโร่ของเค้า เค้าใช้บริการคุณแน่ ตรงนี้สำคัญครับ ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน