คิง ก่อนบ่าย งง! สะท้อนปัญหาปากท้องชาวบ้านผิดด้วยหรือ? ฝากถึง “สนธิญา-รมว.ดิจิทัล” อย่าโยนหินถามทาง แนะควรรับฟังแก้ไข ไม่ใช่สู้รบกับดารา

มีชื่อเป็น 1 ใน 12 ดารา จากกรณีออกมาคอลเอาต์ ที่จะถูกเรียกไปสอบ สำหรับ คิง ณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ คิง ก่อนบ่าย ที่ล่าสุดวันที่ 22 ก.ค.64 เจ้าตัวเปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่า

“ทีแรกที่เห็นผมก็รู้สึกงงๆ ว่าเราไปโพสต์อะไรที่มันไปเข้าข้อกฎหมายเขาหรือเปล่า เพราะว่าจริงๆ แล้วแค่สะท้อนถึงปัญหาของชาวบ้าน แล้วก็เสนอแนะแนวทางการหาความร่วมมือจะให้ประเทศผ่านวิกฤตไปยังไง เลยสงสัยว่ามันไปผิด พ.ร.บ.คอมฯ ตรงไหน”

“จึงได้ไปปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ว่ากรณีที่จะผิดพ.ร.บ.คอมฯ จะต้องเป็นยังไง พบว่าให้ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี มีคำหยาบคายอะไรพวกนี้ ผมเลยไปดูว่าที่โพสต์ไปล่าสุดมีแค่คำว่า “หากยังปล่อยให้ประชาชนอดตาย กูคงไม่มีใจเชียร์รัฐบาล” เลยคิดว่าคำว่า “กู” ใช่มั้ยที่จะผิดพ.ร.บ.คอมฯ

“ทีนี้ในเมื่อมีชื่อเราแล้ว เมื่อเช้า(22ก.ค.) ผมจึงเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรงที่เขาไปแจ้งเพื่อไปสอบถามความคืบหน้าว่าเรามีรายชื่อจริงตามที่เป็นข่าวมั้ย ปรากฏว่าพอไปถึงทางโน้นก็ยังไม่มีเอกสารให้เรา เขาก็แค่ให้คำแนะนำมาว่าเรื่องน่าจะส่งไปให้ทางตำรวจที่ดูเกี่ยวกับดิจิทัลต่างๆ ตรวจสอบก่อน ถ้าเข้าข่ายเขาถึงจะออกหมายเรียก”

“คราวนี้ก็รออย่างเดียว ถ้าหากเขามีการยื่นจริงๆ ก็ต้องรอว่าหนังสือหมายเรียกที่จะมาเขาจะแจ้งเราข้อหาอะไร เราก็ได้เตรียมตัวที่จะไป เพราะว่าที่อยู่ตามบัตรประชาชนของผมอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถ้าส่งหมายเรียกไปก็ต้องไปที่นั่น แต่ว่าปัจจุบันนี้ผมอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เราจะได้เตรียมตัว”

“จนเมื่อตอนบ่ายโมง ผมได้มีโอกาสดูรายการโหนกระแส ปรากฏว่าเขายื่นชื่อเราจริงๆ ใน 12 รายชื่อ พอมีโอกาสได้สัมภาษณ์สดผ่านทางรายการผมเลยถามว่าในส่วนที่ผมพูดเกี่ยวกับปัญหาปากท้องชาวบ้าน สะท้อนปัญหาตรงนี้เราผิดด้วยเหรอ”

“เขาก็อ้างเรื่องข้อกฎหมายว่าเดี๋ยวต้องไปดำเนินการดูว่ามันจะผิดมั้ยโน่นนี่นั่น เท่ากับว่าคุณก็ไม่ได้ตรวจสอบเลย แต่คุณยื่นชื่อไปก่อนแล้ว ผมก็เลยบอกกับเขาไปว่าที่โพสต์อะไรไปเพราะเรา ญาติพี่น้อง และประชาชนได้รับผลกระทบ แล้วเหมือนเขาฝากผีฝากไข้ให้เราเป็นกระบอกเสียงให้”

“สิ่งที่เน้นย้ำก็คือเราเป็นดารามาได้ทุกวันนี้เพราะประชาชนให้การสนับสนุน เรตติ้งมาจากประชาชนไม่ได้มาจากนักการเมือง ฉะนั้นผมต้องทำเพื่อประชาชน ในเมื่อเขาร้องขอให้เราช่วย แล้วก็ทิ้งท้ายไปด้วยว่า ถ้าคุณทำงานด้านการเมืองคุณจะนั่งอยู่ในสภาได้แค่ 4 ปี แต่ถ้าคุณเป็นผู้แทนที่ดีคุณจะนั่งอยู่ในใจประชาชนตลอดไป พูดไปแค่นั้นผมก็จะร้องไห้อยู่แล้ว เพราะมันอัดอั้นว่าสิ่งที่เราทำเพื่อประชาชนทำไมถึงโดนแบบนี้”

ล่าสุด รมว.ดีอีเอส ออกมาบอกว่าดารา-เซเลบ call out ยังไม่เข้าข่ายผิด? “จริงๆ เรารู้อยู่แล้วมันไม่ผิดกฎหมาย สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ สิทธิพื้นฐานของประชาชน แต่ถามว่าแล้วเมื่อวาน(21ก.ค.)ทำไมพูดอีกอย่าง พอวันนี้กระแสตีกลับทำไมคุณพูดอีกอย่าง แล้วความเชื่อมั่นที่ประชาชนไม่เชื่อมั่นอยู่แล้วจะเชื่อมั่นอะไรได้”

“คุณคุยกันก่อนหรือเปล่า ก่อนหน้านี้คือคุณสนธิญาไปแจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ท่านรมว.ดีอีเอสออกแถลงข่าวนั่งอยู่กับตำรวจฝากถึงดาราคอลเอาต์เฟกนิวส์มีความผิด แต่พอวันนี้กระแสตีกลับคนหันมาเซฟดาราคอลเอาต์ กลับมาบอกว่าอาจจะไม่มีความผิด แล้วที่ทำคืออะไรโยนหินถามทางใช่มั้ย รอดูว่ากระแสมวลชนจะเป็นยังไงใช่มั้ย”

กลายเป็นกระแสลุกฮือในวงการบันเทิง? “ถูกต้องครับ ในเมื่อเรากำลังพูดถึงประชาธิปไตยกัน ทุกคนก็ต้องมีสิทธิ์มีเสียงเหมือนกัน มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์เหมือนกัน แล้วข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่พวกเราเอามาพูดเกิดจากภาครัฐทั้งนั้นเลย ไม่มีประชาชนคิดขึ้นมาเองเลย ดาราไม่ได้คิดขึ้นมาเอง เกิดจากการให้ข่าวจากภาครัฐ”

อยากฝากอะไรถึงคุณสนธิญาไหม ว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่? “ผมอยากจะบอกเขาว่าถ้าท่านมีเวลาส่องเฟซบุ๊ก ดูไอจีดารา ท่านลองเข้าไปศึกษาว่าสิ่งที่ดาราพูดนั้นจริงมั้ย ท่านศึกษาเองให้ละเอียดก่อน อย่าไปโยนภาระนี้ให้กับตำรวจ ตำรวจมีหน้าที่ทำงานเยอะแยะของเขาอยู่แล้วเรื่องร้องเรียนมากมาย”

“ในเมื่อท่านจะดำเนินการตรงนี้ก็ตรวจสอบเองเลย เอาข้อมูลมาเทียบมาหักล้างกันให้ได้ก่อน ถ้าไม่จริงท่านก็บอกกับดาราก็ได้ เอาข้อมูลที่แท้จริงมาให้ ถ้าสิ่งที่ดาราพูดเป็นความจริงท่านต้องไปบอกคนที่ใหญ่กว่าท่าน เสียงท่านใหญ่กว่าดาราอย่างพวกเรา ท่านช่วยไปบอกว่ามันมีแนวทางแบบนี้ๆ เขาเสนอแบบนี้มา ท่านควรแก้ไขไม่ใช่มาสู้รบกับดาราอย่างพวกเราที่มาเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน สิ่งที่คุณทำตอนนี้กำลังจะผลักมิตรให้เป็นศัตรู”

หลายคนชื่นชมสิ่งที่พูดไว้ในรายการโหนกระแส? “ผมเชื่อว่าแม้กระทั่งตอนที่เราพูดเองเรายังจะร้องไห้(น้ำตารื้น) เท่ากับว่านี่คือสิ่งที่เราแสดงความจริงใจถึงประชาชน แล้วทำไมเขาไม่มองเห็นจุดนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนเขารับรู้ได้ รู้สึกได้ในความจริงใจที่เราพูดเพื่อเขา”

“บางทีเราสงสารประชาชนที่เขาเดือดร้อนมากกว่าเรา เราเดือดร้อนเรายังพอมีช่องทางที่จะหันซ้ายหันขวาได้ แต่ประชาชนที่เขาเดือดร้อนกว่าเรา เขาไม่สามารถที่จะหันซ้ายหันขวาได้เลย เขาไม่มีเครดิตทางสังคมเลย เขาจะไปพึ่งใคร อันนั้นเป็นสิ่งที่อยากให้คุณคุณท่านท่านทั้งหลายได้เห็นและลงมารับรู้จริงๆ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน