ท่าทีของ น็อต กราบรถ เมื่อวันที่ 4 กับ ท่าทีของ น็อต กราบรถ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน

มี “ความแตกต่าง” เหมือนเป็น”คนละคน”
เมื่อ 7 วันก่อน มากด้วยความกราดเกรี้ยว มากด้วยความอาฆาตแค้น
นอกจากเหวี่ยงกำปั้นใส่ใบหน้า “บอย”
หากที่สำคัญยังกดดัน บีบบังคับให้ “บอย” กระทำการขอสมาลาโทษรถมินีคูเปอร์ อันสุดรักสุดหวง
กระทั่งกลายเป้นฉายา “น็อต กราบรถ”
กระนั้น เมื่อผ่านมาได้ 1 สัปดาห์ ก็กลายเป็นเหมือนกับ”น็อต”คนใหม่
ถอนแจ้งความ ไม่เอาเรื่อง”บอย”
ทำท่าว่าฉายา “น็อต กราบรถ” อาจต้องแปรเปลี่ยนกลายเป็นน้อต “คนใหม่”
เป็น “น็อต ให้อภัย” เป็น “น็อต ละวาง”

การเปลี่ยนแปลงของ น็อต กราบรถ เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องน่าศึกษาและทำความเข้าใจ
ในทาง”คดี”อาจต้องเดินหน้า เพราะเป็น”คดีอาญา”
แต่ในทางความรู้สึก กระแสของสังคมก็เริ่มผ่อนเบา ค่อยๆคลี่คลาย
อย่างน้อยก็แสดงว่า จาก น็อต กราบรถ เป็น”น็อต รู้ตัว”
นี่คือ ลักษณะอันยืดหยุ่นอย่างเป็นพิเศษของสังคมไทย เมื่อรู้สึกตัวว่าผิด และยอมรับ
สังคมก็พร้อมให้ “อภัย” และให้”โอกาส”
น่าสนใจก็ตรงที่ในตอนแสดงความรู้สึกตัวก็ดำเนินไปอย่างมีการ”แถลงข่าว”
ปรากฏเป็น”ข่าว” ทั้ง”ออนไลน์”และ”สื่อกระดาษ”
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ตอนแรกไม่มีการแถลงข่าว แต่พอแถลงข่าวก็กลายเป็นอีกเรื่อง
เพราะ”น็อต”ก็ยังมากด้วย”อารมณ์”

หากมองจากสภาพความเป็นจริงของ น็อต กราบรถ ที่ยังเป็นคนหนุ่ม และอยู่ในสภาพแวดล้อมของการสร้างภาพ
ก็สามารถ “เข้าใจ”
และเมื่อ น็อต กราบรถ ผ่านการทบทวน ผ่านการหารืออย่างรอบคอบทั้งในทางกฎหมายและในทางสังคม แล้วออกมาแสดงความเสียใจ
เท่ากับเป็นการวิจารณ์ “ตนเอง”
อย่างน้อยผลสะเทือนอันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใดนับแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเป็นต้นมาก็ได้ให้ “บทเรียน”เป็นอย่างมาก
เป็นบทเรียนในเรื่อง “อารมณ์”
เป็นบทเรียนในเรื่องความอ่อนไหวของ “สื่อ” และแวดวงของ”ธุรกิจบันเทิง”
“สังคม”มีส่วนอย่างสำคัญในการกำหนด”ทิศทาง”
สังคม”ธุรกิจบันเทิง” สังคม”ออนไลน์” สังคม”สื่อ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน