โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนจำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ ด้วยงบประมาณไทยเข้มแข็งวงเงิน 5,848 ล้านบาท อนุมัติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 และครบกำหนดสัญญาวันที่ 14 มีนาคม 2556

แต่ต่อมา มีการนำภาพมาเผยแพร่เปิดโปงว่าหลายโรงพักยังคงมีสภาพเพียงโครงเสาเหล็กสนิมขึ้นเขรอะ เหล็กหมดสภาพ สร้างต่อและ รื้อทิ้งก็ไม่ได้

ขณะเดียวกัน การพิจารณาชี้มูลความผิดที่เป็นผู้สั่งรวมสัญญาก่อสร้างจากรายกองบัญชาการตำรวจภาคมาเป็นสัญญาเดียว ซึ่งอยู่ในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้เร่งรัดคดี

เพื่อไม่ให้กลายเป็นข้อครหา 2 มาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ปรากฏว่าผู้เกี่ยวข้องบางคนยื่นฟ้องอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หนังสือพิมพ์ข่าวสด และมติชน ข้อหาหมิ่นประมาท

กรณีการแถลงข่าวและนำเสนอข่าวการทำคดีขอเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวนดังกล่าว จากรายกองบัญชาการภาครวมเป็นการว่าจ้างผู้รับเหมารายเดียว

ต่อมา ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องพร้อมชี้ว่าผู้ฟ้องไม่ได้ทำตามมติครม. เเละระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้อท้วงติงของสำนักงบประมาณจริง จึงฟังไม่ได้ว่าทั้งอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับ ใส่ความ

นอกจากนี้ ยังชี้ว่าการกระทำของโจทก์อาจเป็นการกระทำความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 ซึ่งอยู่ในอำนาจสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเป็นประโยชน์สาธารณะ

ล่าสุด เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ ได้ยื่นร้องและส่งหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้เร่งรัดพิจารณาชี้มูล

เพราะโครงการนี้ ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ จักต้องมีผู้รับผิดชอบตามความผิด รวมถึงชดใช้ความเสียหายด้วย

น่ายินดีที่พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ยืนยันว่าจะเร่งรัดให้ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนดำเนินการให้เสร็จตามกรอบเวลา และนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ในเดือนกันยายนนี้

มีแต่ทำให้เกิดความชัดเจนเท่านั้น จึงจะสร้างความนน่าเชื่อถือต่อสังคมได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน