บทบรรณาธิการ
ประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชัดเจนมากในขณะนี้ คือการดูดนักการเมือง โดยไม่ถูกจับจ้องหรือควบคุมโดยรัฐบาลและคสช.
นักการเมืองที่ขยับย้ายออกจากพรรคเดิมและเข้าร่วมการทำงานกับรัฐบาลต่างให้เหตุผลว่าเป็นความร่วมมือที่ต้องการทำงานเพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
แม้จะไม่พูดชัดเจนถึงความตั้งใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เห็นเป็นไปในทางอื่น
เพราะบุคคลที่เลือกเป็นนักการเมืองย่อมปรารถนาจะเป็นตัวแทนของประชาชน ส่วน จะได้เป็นหรือไม่ ขึ้นกับเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ตัดสินผ่านการเลือกตั้ง
วิธีการนี้เองที่พรรคใหม่ หรือกลุ่มการเมืองที่คิดจะตั้งพรรคใหม่ นิยมใช้ วิธีดูดนักการเมืองที่มีฐานเสียงมั่นคงในพื้นที่
การชักชวนให้นักการเมืองย้ายพรรค หรือดูดนักการเมือง มีผู้อธิบายว่ามีมายาวนานและเป็นครรลองของประชาธิปไตย
แม้หลายครั้งเกิดในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยหยุดชะงัก ไม่ว่าหลังเหตุรัฐประหารปี 2534 เหตุรัฐประหาร 2549
แต่หลายครั้งเกิดในช่วงที่ประชาธิปไตยเริ่มกลับมามีพัฒนาการ และมีระบบรัฐสภาที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
เพียงแต่การดูดนักการเมืองนั้นเป็นไปโดย เปิดเผยและเสรีและดำเนินไปตามกฎและกติกาที่เท่าเทียมกัน บุคคลที่ถูกดูดอาจขัดแย้งกับพรรค การเมืองเดิม หรือต้องการผลักดันนโยบายที่เห็นด้วยกับพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเมื่อถึงที่สุดแล้ว ประชาชนจะเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง
กระบวนการนี้จึงเป็นครรลองประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดูดนักการเมืองในขณะนี้มีจุดที่ต้องระมัดระวังในเรื่องความเป็นธรรม
โดยเฉพาะเมื่อนักการเมืองที่ตกลงใจเข้าร่วมรัฐบาลแล้วมีโอกาสที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและประชาสัมพันธ์ผลงานตนเองได้เต็มที่ เพราะหลุดจากภาวะที่เคยถูกล็อก
ส่วนพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองหรือบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลยังคงถูกล็อกเช่นเดิม
หากมีการเดินสายชักชวนใครเข้าร่วมพรรค จะถูกจับจ้องไปจนถึงตักเตือน
กระบวนการที่ไม่มีความเท่าเทียมจะนับเป็นประชาธิปไตยได้ยาก