เหตุปัจจัยอะไรทำให้ “พรรคประชาธิปัตย์” กลายเป็นเป้าหมายใหญ่ในกระบวนการ “ดูด” ทางการเมือง
จาก นายสกลธี ภัททิยกุล ถึง นายชื่นชอบ คงอุดม
และหากจับอาการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสานเข้า กับ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ บ่งชัดว่าอาจจะมีคนที่ 3 และคนที่ 4 ตามมา
ไม่อย่างนั้นคงไม่ตีปลาหน้าไซด้วยจำนวนเงิน 40,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
คำตอบของกรณีนี้มีเพียงคำตอบเดียว
นั่นก็คือ เพราะความขัดแย้ง แตกแยก ที่ดำรงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์
เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้ดีที่สุด
ความขัดแย้งและแตกแยกนี้แสดงให้เห็นเป็นลำดับนับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
ตัวแสดงในเรื่องนี้ คือ “กปปส.”
บรรดาแกนหลักของ “กปปส.”ไม่ปิดบังอำพรางในการสำแดงตนเป็นพวกเดียวกันกับ “คสช.”
สัมผัสได้จากวลีที่ว่า “รัฐบาลพวกเรา”
ยิ่งเมื่อผ่านสถานการณ์ “ประชามติ”ในเดือนสิงหาคม 2559 ยิ่งเด่นชัด
เมื่อเข้าสู่ “โหมด”แห่ง “การเลือกตั้ง”ยิ่งล่อนจ้อน เปล่าเปลือย
ก็คนจาก “กปปส.”มิใช่หรือที่ออกมาอ้าขาผวาปีกเรื่องการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก็คนจาก “กปปส.”มิใช่หรือที่ชี้โพรงในเรื่อง “เซ็ตซีโร”
วันนี้ตัวละคร 1 ซึ่งอยู่ในวงจรของ “พลังดูด”ล้วนเป็นคนของ “กปปส.” และที่สำคัญยังมีอีกหลายคนที่สงบนิ่งอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์
รอวัน ฉันรัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าจะมองผ่านกลยุทธ์ทาง “การทหาร” ไม่ว่าจะมองผ่านกลยุทธ์ทาง “การเมือง”
ป้อมค่าย “ตีแตก”จาก “ภายใน”
ในเมื่อภายในพรรคประชาธิปัตย์มีคนพันธุ์ “พระยาจักรี”ดำรงอยู่ จึงง่ายเป็นอย่างยิ่งที่จะก่อสถานการณ์ “ดูด”
เป็นกลยุทธ์รอ “เปิดประตูเมือง”ให้กับ “คนนอก”