หากคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันเกี่ยวกับการจัดระเบียบวาระการปรากฏตัวที่สนามช้าง อารีนา บุรีรัมย์ ที่ยืนยันว่า

“ผมจะไปพบใครที่ไหนหรือพูดจากับประชาชนในสถานที่ไหนทางจังหวัดและเจ้าหน้าที่เป็นผู้เตรียมการทั้งหมด

ผมไม่ได้สั่งการว่าจะเป็นที่นี่ ที่นั่น”

เป็นจริง,ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะมองในมุม “การทหาร” ไม่ว่าจะมองในมุม “การเมือง”

ถือได้ว่ามีความบกพร่อง หละหลวม

เพราะนี่คือการกำหนด “ยุทธภูมิ” เพราะนี่คือการกำหนด “พื้นที่” อันทรงความหมายยิ่งในทางการทหารและในทางการเมือง

จำเป็นต้อง “รู้เขา รู้เรา” อย่างแม่นยำ

หากพิจารณาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะเดินเข้าสู่สนามช้าง อารียา เป็นต้นมากระทั่งอำลาจากไป

จะรู้ว่าใครเป็นคน “คุม”

เบื้องต้นที่สุดก็จะสัมผัสได้ไม่ยากว่าประชาชนกว่า 30,000 คนในสนามใครเป็นฝ่ายกำหนด

เป็นประชาชนที่มาจาก “จังหวัด” อย่างนั้นหรือ

คำตอบของคำถามนี้อยู่ที่ใครเป็นคนยึดกุม “ไมค์ลอย” สั่งการว่าจะต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้

เป็น “ผู้ว่าราชการจังหวัด” หรือ

ตังแต่เริ่มประชุมครม.สัญจรกระทั่งคณะของครม.สัญจรเดินทางกลับบ้านใครบ้านมัน ไม่มี “สื่อ”คนใดรายงานการเคลื่อนไหวหรือแสดงบทบาทของ “ผู้ว่าราชการจังหวัด”เลย

มีแต่เรื่องของ นายเนวิน ชิดชอบ มีแต่ทีมงานของ นายเนวิน ชิดชอบ เท่านั้นที่มีความโดดเด่น

นายเนวิน ชิดชอบ ต่างหากที่ยึดครอง “พื้นที่”

อย่าได้แปลกใจหากว่าความโดดเด่นของการประชุมครม.สัญจรคือ ความสนใจว่า นายเนวิน ชิดชอบ เคลื่อนไหวอย่างไร

เสียงของ นายเนวิน ชิดชอบ ต่างหากที่คนอยากได้ยิน

ผลงานและความสำเร็จที่ “พรรคภูมิใจไทย”จะตักตวงเอาจากประชุมครม.สัญจรต่างหาก ที่คนต่างเงียหูฟัง

ว่าจะได้ 1 หมื่นหรือ 2 หมื่นล้านบาทกันแน่

เด่นชัดว่าไม่ใช่เสียงจาก “ประชารัฐ”หรือ “ไทยนิยม”ยั่งยืน

คณะของครม.สัญจรเสมอเป็นเพียง “ตัวประกอบ”เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน