ตามปกติแล้วภายหลัง “ครม.สัญจร” จะปรากฏความฮึกห้าว เหิม หาญ จากคสช.และจากรัฐบาล

ไม่ว่าจะเป็นที่สุพรรณบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่สุโขทัย

เพราะปรากฏเงาร่าง นายประภัตร โพธิสุธน ออกมายืนต้อนรับพร้อมกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา

รวมถึงความดีอกดีใจของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

จากนั้นก็บังเกิดความเชื่อมั่นว่ามีความเอนเอียงจากพรรคชาติไทยพัฒนา มีความเอนเอียงจากกลุ่มมัชฌิมา

เหมือนกับเป็นพันธมิตรในการต่อท่อแห่ง “อำนาจ”

แต่ภายหลังการประชุมครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ พร้อมกับการอนุมัติงบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท

คสช.และรัฐบาลกลับตกอยู่ในสภาพ “มิดอิมซิม”

คำตอบของการประชุมครม.สัญจรมิได้อยู่ที่ความฮือฮาต่อความสำเร็จของ นายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะเจ้าของสนามช้างอารีนาประการเดียว

หากแต่ยังอยู่ที่บางคำพูดจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล

เมื่อประสบเข้ากับคำถามที่ว่า การจัด”อีเวนต์”พร้อมกับประชาชนกว่า 30,000 คน ครั้งนี้แสดงว่าพรรคภูมิใจไทยถูกคสช. “ดูด”ไปเรียบร้อยแล้ว

“คงยาก” เป็นคำตอบแรก และตามมาด้วย “หากจะดูดพรรคภูมิใจไทยคงติดคอ”

คำตอบนี้นับว่า “โดนใจ” คอ “การเมือง”

เพราะเมื่อมีข่าวว่าอาจมีการดูด อดีตส.ส.กลุ่มประจวบคีรีขันธ์ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ คำตอบอันมาจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน

“ก็เหมือนที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวไว้ ใครมาดูพรรคภูมิใจไทยก็ติดคอ ผมก็เหมือนกันใครมาดูดผมก็ติดคอ”

อาการของ “คสช.” ก็คืออาการ “ติดคอ”

ไม่ว่าจะมองผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมองผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

สถานการณ์หลังประชุมครม.สัญจร “บุรีรัมย์”

สะท้อนลักษณะ “ติดคอ” และยากเป็นอย่างยิ่งที่จะกลืน ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะคาย ผะอืดผะอมเหมือนที่ นายเสนาะ เทียนทอง เคยอุปมาด้วยคำคมที่ว่า “ไอ้ใบ้อมบอระเพ็ด”

พูดก็มิได้ ร่ำไห้ก็มิออก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน