แฉเล่ห์โบรกเกอร์ขายประกันอุบัติเหตุ มั่วหักเงิน ค่าเบี้ยประกันจากบัตรเครดิตทั้งที่ไม่ได้ตกลงซื้อ อัยการสาวโดนด้วยตัวเอง เผยพนักงานขายโทรศัพท์มาอ้างเป็นภาคบังคับคนมีบัตรเครดิตต้องซื้อประกันอุบัติเหตุ แถมแจ้งรายละเอียดส่วนตัวอย่างถูกต้อง รบเร้าว่าจะส่งเอกสารรายละเอียดให้ดูก่อน จากนั้นตัดยอดเงินทันที ลั่นถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย ยันลุยเอาผิดทั้งอาญา-แพ่ง บริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยและบริษัทบัตรเครดิตที่นำข้อมูลส่วนตัวลูกค้าไปเปิดเผย

กรณีที่อัยการหญิง จ.แม่ฮ่องสอน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับบริษัทโบรกเกอร์ขายประกันแห่งหนึ่งโทร.มาเสนอขายประกัน โดยระบุว่าทุกคนที่มีบัตรเครดิตของกรุงศรีฯ กสิกรฯ กรุงไทย เป็นภาคบังคับต้องซื้อประกันอุบัติเหตุ โดยเสียเบี้ยประกัน 2,950 บาท พร้อมบอกเลขบัตรเครดิตของอัยการสาวได้ถูกหมด อัยการสาวคนดังกล่าวตอบปฏิเสธไป แต่ถูกรบเร้ามากจึงรับว่าให้ส่งเอกสารมาดู โดยไม่ต้องจ่ายเงินเบี้ยประกัน แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ขายประกันคนดังกล่าวได้ติดต่อกลับมาว่าหักเงินจากบัตรเครดิตแล้ว 2,950 บาท อัยการสาวจึงแจ้งว่าไม่มีสิทธิมาหักเงินนี้ เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อประกัน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรีบวางสายไป และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. อัยการหญิงรายดังกล่าว (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” ทางโทรศัพท์ว่า เรื่องนี้ตนเป็นนักกฎหมาย ถือว่ายอมไม่ได้ เพราะว่าทำผิดกฎหมาย มาหักเงินจากบัตรเครติดโดยพลการ โดยที่เจ้าของบัตรเครติดไม่ได้ยินยอมด้วย ถือว่ามีความผิดทางอาญา จึงพยายามติดต่อ กับทางธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตให้อายัดเงินดังกล่าว แต่ทางธนาคารบอกว่าไม่สามารถทำได้ จึงต้องไปตรวจสอบเองจนหาชื่อบริษัทโบรกเกอร์ และบริษัทประกันภัยดังกล่าวได้ทั้งหมด และติดต่อกลับไป จนทางโบรกเกอร์ดังกล่าวยอมคืนเงินให้ แต่ต้องเสียเวลาไปมาก

“ดิฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด ดิฉันเป็นนักกฎหมาย ยังยุ่งยากมากกว่าจะทวงเงินคืนได้ แถมแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องกลับปัดความรับผิดชอบเกือบทุกแห่ง ถ้าเป็นตาสีตาสา ชาวบ้านธรรมดาจะทำอย่างไร เรื่องนี้ต้องทำให้เป็นตัวอย่าง ขั้นแรกเมื่อทวงเงินคืนได้ ดิฉันไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับโบรกเกอร์และบริษัทประกันดังกล่าว มีชื่อผู้ถือหุ้นใครบ้าง โบรกเกอร์คนดังกล่าวเป็นใคร จากนั้นก็แจ้งความดำเนินคดีทางอาญา เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ จากนั้นคดีทางแพ่ง ต้องดำเนินการเอง โดยขั้นแรกได้ยื่น โนติสให้บริษัทโบรกเกอร์เรียกร้องค่าเสียหาย 1 หมื่นบาท และบริษัทบัตรเครดิตเรียกค่า เสียหาย 5,000 บาท” อัยการสาวกล่าว

อัยการหญิงยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะร้องเรียนไปที่กรมการประกันภัยให้ถอดใบประกอบวิชาชีพของโบรกเกอร์ดังกล่าว และถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของบริษัทโบรกเกอร์ดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ติดต่อทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ตรวจสอบและจัดการธนาคารที่เอาข้อมูลบัตรเครดิตของเราไปเปิดเผย หรือขายข้อมูลของลูกค้า เพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเรา และจะตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ไม่ปล่อยให้คนชั่วคนผิดลอยนวลไปได้ง่ายๆ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ต่อไปจะไปหากินกับชาวบ้านแบบนี้ และหลายคนที่เจอเรื่องแบบนี้ก็เยอะ แต่ไม่มีหน่วยงานเข้ามาจัดการอย่างเป็นจริงเป็นจังเลย

“พอสื่อลงข่าวนี้ไป มีคนติดต่อเข้ามาเยอะ จนรับสายและตอบในเฟซบุ๊กแทบไม่ไหว จึงตั้งเป็นแฟนเพจ “Law Tech ความยุติธรรมต้องทันสมัย” ให้คนที่สนใจและต้องการความช่วยเหลือไปกดดู ซึ่งจะมีนักกฎหมายคอยตอบให้ความช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนด้วย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน