ท่าทีที่ขานรับในเรื่องการร่วมหารือในเดือนมิถุนายนอันมาจากบางพรรคการเมือง

สร้างความพอใจให้กับคสช.และรัฐบาล

ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังชล ไม่ว่าจะมาจากพรรคชาติพัฒนา ไม่ว่าจะมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา

มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยก็คงไม่แข็งขืน

อย่างน้อยการเปิดไฟเขียวให้ระดมประชาชนกว่า 30,000 คนไปเปล่งเสียง “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ”ก้องทั้งสนามช้าง อารีนา พร้อมกับอนุมั้ติงบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาทให้บุรีรัมย์

น่าจะเป็น”หลักประกัน”อย่างเป็นรูปธรรม

แต่ความอ่อนไหวเป็นอย่างมากอยู่ที่ท่าทีจาก 2 พรรคใหญ่ นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยประสบไปแล้วจากสถานการณ์เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ระหว่างความพยายามจะแถลง”4 ปี รัฐบาล คสช.”

ทหาร ตำรวจ บุกเข้าที่ทำการพรรค

จนต้องทำให้แผนเดิมที่จะมีรักษาการหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำ นั่งอ่าน “แถลงการณ์”เหลือเพียง 3 หน่อ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายวัฒนา เมืองสุข นายชูศักดิ์ ศิรินิล เท่านั้น

นี่คือ สงคราม”สั่งสอน”เบาะๆจาก”คสช.”

ไม่เพียงเท่ากับเป็นการเตือนโดยตรงไปยังพรรคเพื่อไทย หากแต่ยังเป็นการตีลูกแคนนอนกระทบไปยังพรรคประชาธิปัตย์ในทำนองว่า

อย่ามัวแต่ยึกยัก จำเป็นต้องตัดสินใจ

ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการซึ่งมิได้ออกมาจากสมองก้อนโตของ นายวิษณุ เครืองาม อย่างแน่นอน

หากแต่มาจาก “คสช.”โดยตรง

สะท้อนให้เห็นว่าเนื้อหาอันปรากฏอยู่ในคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 57/2560 สำคัญ

เพราะกำหนดหารือ”เดือนมิถุนายน”มีรากฐานจากนั้น

ไม่เพียงแต่ลบบทบาทของกกต.หากแต่ยังเลือนบทบาทของพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ไปด้วย

แต่เมื่อเป็น”รัฎฐาธิปัตย์”ก็ย่อมทำได้ทุกอย่าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน