บทบรรณาธิการ
ความมั่นใจของรัฐบาลในช่วงท้ายปลายปีนี้ คือการผลักดันให้เศรษฐกิจปี 2559 เติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 3.2-3.3
พร้อมระบุว่าเป็นการประคองตัวอยู่ได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนัก แม้เศรษฐกิจในประเทศเพื่อนไทยหลายประเทศตกลง
อีกทั้งยังมองในมุมบวกสำหรับปี 2560 ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีกเมื่อเทียบกับปีนี้
โดยเฉพาะผลจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่หลายโครงการได้รับอนุมัติไปแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูล
สถานการณ์ตอนนี้จึงเหลือเพียงว่า ประชาชนทั่วไปสัมผัสได้ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลพูดถึงหรือไม่
แนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศล่าสุดของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ประเมินว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.2 ในปี 2559 เป็นตัวเลขที่ดีกว่าปี 2558 ซึ่งขยายตัว 2.8
ส่วนตัวเลขการส่งออกทั้งปี 2559 คาดว่าจะไม่มีการขยายตัว กล่าวคือร้อยละ 0.0 จากเดิมที่คาดว่าอาจติดลบที่ร้อยละ -1.9
ขณะที่การท่องเที่ยวยังต้องรอการประเมินอีกครั้ง เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ
อย่างไรก็ตาม ความหวังในปีต่อไปคือการคาดการณ์ว่าจีดีพี ปี 2560 จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.0-4.0
เชื่อว่าจะดีขึ้นจากการปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ ของการส่งออก การใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาครัฐ
ตัวเลขคาดการณ์และตัวเลขการขยายตัว ทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นดัชนีที่บ่งบอกสถานการณ์ในปีนั้นๆ ได้ส่วนหนึ่ง
แต่ดัชนีที่สำคัญจะมาจากความเป็นอยู่ของประชาชน
หากภาครัฐทุ่มการลงทุนอย่างหนัก ควรจะเกิดผลต่อการกระจายตัวของเศรษฐกิจ คนทั่วไปสัมผัสถึงการเติบโตได้ ไม่กระจุกอยู่ที่คนบางกลุ่ม
อย่างน้อยถ้าเกษตรกรหรือผู้ใช้แรงงานมีเงินชำระหนี้และใช้จ่ายได้พอสมควร สิ่งเหล่านี้จึงจะแสดงผลทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
การสะท้อนว่าเศรษฐกิจฐานรากอยู่ ในสถานการณ์จริงอย่างไรจึงเชื่อมโยง อยู่กับระบบการเมืองที่มีผู้แทนจากประชาชน