พลันที่กรณี เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ปรากฏขึ้น เหมือนกับว่ากรณี เบส อรพิมพ์ จะค่อยๆจางจาก อำลาไป

เป็นไปตาม “วิถี” แห่ง “โซเชียล มีเดีย”
เรียกตามสำนวนโฆษณาที่เคยฮิต ก็คือ “มาเร็ว เคลมเร็ว” เมื่อเคลมเสร็จก็จบเรื่อง
ดิ เอ็นด์
สภาพที่ “ปรากฏ” อาจดำเนินไปเช่นนั้นจริง นั่นก็คือ มาเร็วและไปเร็ว
แทบไม่ต่างไปจากปรากฏการณ์ “ผีพุ่งใต้”
แต่คำถามอันเสนอเข้ามาก็คือ แล้วกรณี วิกรม นกเงือก หายไปเลยหรือ กรณี น็อต กราบรถ หายไปเลยหรือ
ยิ่งกรณี แม่ผ่องพรรณ พัฒนา ยิ่งสำคัญ
ยิ่งกรณี อโลฮา ฮาวาย แก้มไข่ปลาคาเวียร์จากกรุงเทพมหานคร ไปยังโฮโนลูลู ยิ่งสำคัญ
เหมือนกับจะไม่มีการเอ่ยถึง
แต่หากอยู่ใน “อุณหภูมิ” อันเหมาะสม ไม่ว่า วิกรม นกเงือก ไม่ว่า น็อต กราบรถ ก็จะหวนกลับ
เสียง”ขลุ่ย”กลับมาหา”กอไผ่”

ปรากฎการณ์ “โซเชียล มีเดีย” อาจได้รับข้อสรุปอย่างรวบรัดจากนักเขียนระดับ คำ ผกา
เปลี่ยน “โซเชียล” เป็น “โซเชี่ยว”
“เชี่ยว”ในที่นี้มิได้หมายถึง “เชี่ยวชาญ” หากแต่มาจากลักษณะของกระแสน้ำ
กระแสน้ำอัน “ไหลเชี่ยว”
เมื่อมาก็กระหน่ำสิ่งที่กีดขวางให้ระเนนเอนราบอย่างที่บรรยายว่าเป็น “หน้ากลอง”
จากนั้นก็จากไปเหมือนกับธรรมชาติของ”น้ำ”

ถึงลักษณะของ “โซเชียล มีเดีย”จะดำเนินไปในแบบ”โซเชี่ยว มีเดีย” แต่ในอีกด้านก็มีลักษณะที่ไม่ควรมองข้าม
นั่นก็คือ มิได้”หาย”ไปอย่างสิ้นเชิง
ระบบออนไลน์ได้รับการบันทึกเอาไว้อย่างครบถ้วน สามารถฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ว่า “ภาพ” ไม่ว่า “เสียง”
จึงเมื่อเห็น “คนดี”ในกระสวนแบบ “น็อต กราบรถ”จึงเกิดนัยประหวัดถึง “คนดี”ในแบบ “วิกรม นกเงือก”
การฟื้นภาพของ วิกรม นกเงือก ก็กระจ่าง
เป็นความกระจ่างเหมือนภาพของ “แม่ผ่องพรรณ พัฒนา” เป็นความกระจ่างเหมือนภาพของ “อโอฮา ฮาวาย”
กรณีของ เบส อรพิมพ์ ก็ไม่ได้ยกเว้น
กรณีของ เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ก็ไม่ได้ยกเว้น ยังตามติดประชิดตัวไป
จำหลักอยู่ใน “โซเชียล มีเดีย”
จำหลักอยู่ใน “ดวงใจ” และ “ความคิด”ของ “ไท-อีสาน”ใม่รู้ลืมเลือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน