บทบรรณาธิการ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยตามที่ลงทะเบียนไว้แล้วในโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ

แบ่งเป็น 3.1 ล้านคน คือผู้ที่ไม่มีรายได้หรือ มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือให้รายละ 3,000 บาท

อีก 2.3 ล้านคน คือผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001 ขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือให้รายละ 1,500 บาท

การโอนจะทำผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันที่ 1-30 ธ.ค.2559

รวมเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 12,750 ล้านบาท

เมื่อรวมกับจำนวนผู้มีรายได้น้อยในกลุ่มเกษตรกรอีก 3 ล้านคนที่รัฐอนุมัติเงินช่วยเหลือไปก่อนแล้วในวงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท

การทุ่มเงินกว่า 16,000 ล้านบาทครั้งนี้ มาพร้อมกับมาตรการอื่นๆ ที่อาจตามมาเหมือนในปีก่อน

เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวได้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี

มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจาก ผู้ประกอบกิจการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

ตามที่รัฐบาลหวังผลในแง่กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปลายปี

นอกจากนี้ ในด้านการท่องเที่ยว ยังมีมาตรการปรับลดค่าธรรมเนียมการลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่ชาวต่างชาติ 19 ประเทศ จากเดิม 2,000 บาท เหลือ 1,000 บาทต่อคน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2559 ถึง 28 ก.พ.2560

ในจำนวนนี้มีประเทศรายใหญ่อย่างจีนและอินเดียรวมอยู่ด้วย จึงคาดหวังว่าจะมาช่วยกู้สถานการณ์ได้บ้างจากผลกระทบการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ

แต่ความหวังว่าเงินจะสะพัดในตลาดมากขึ้นช่วงหนึ่งจำกัดอยู่เฉพาะในช่วงท้ายปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าเพียงสั้นๆ ไม่น่าจะหวังผลในระยะยาว เนื่องจากเคยมีตัวอย่างมาแล้วในกรณีการแจกเช็คช่วยชาติในอดีต

เพราะถึงอย่างไรแล้วความคึกคักทางเศรษฐกิจที่มีต่อเนื่องยาวนานนั้นจะเป็นผลมาจากนโยบายทางการเมืองและสังคมที่เกี่ยวโยงกับประชาชนทุกกลุ่ม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน