เบื้องหน้าชะตากรรมของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เบื้องหน้าปะทุ อารมณ์ของบรรดาศิษยานุศิษย์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เยือกเย็นอย่างยอดเยี่ยม
แม้ว่าจะไม่เคยได้รับเชิญไปเป็นพระอันดับเหมือนกับอดีตผบ.ทบ.บางท่านในพิธีกรรมปลุกเสกพระเครื่อง
แต่ในห้วงแห่ง “ชัตดาวน์” ก็แนบแน่น
แนบแน่นไม่เพียงแต่ “การ์ด” ของเวทีแยกลาดพร้าว กับแจ้งวัฒนะสามารถหนุนช่วยกันและกัน
แนบแน่นถึงขั้นอัญเชิญขึ้นธรรมาสน์เทศนาธรรม
แต่เมื่อ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม ต้องดคีกระทั่งต้องกลายมาเป็น นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กลับ”กบดาน”เงียบกริบ
อาจเป็นเพราะมีกองหน้าไม่ว่าจะเป็นพิธีกร ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน การ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นนายแพทย์
รวมถึง “อดีตผบ.ทบ.”หลายคน “ออกโรง”
พลานุภาพทางการเมืองของคนเหล่านี้ย่อมสยบการเคลื่อน ไหวจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และโดยเฉพาะหน่วยคอมมานโดจากกองปราบปรามถอยร่นแทบไม่เป็นขบวน
ขณะเดียวกัน ความสงบนิ่งของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ยืนยันความลุ่มลึกอย่างยิ่งในทางการเมือง
อ่าน “สถานการณ์” ขาด อ่านได้ “ทะลุ”
รู้เป็นอย่างดีว่า ยุทธการตลบมุ้งรวบตัว พระสุวิทย์ ธีรธัมโม มากด้วยความสลับซับซ้อน มิได้ดำเนินไปในกระสวนอย่างที่รับรู้กันว่า 1 บวก 1 เป็น 2
จึงใช้ท่วงทำนองในแบบ “ความสงบ” เพื่อสยบทุก”ความเคลื่อนไหว”
การเงียบอาจเป็นผลดีมากกว่า
หากมองจากพื้นฐานของคดีความที่รุมสุมอยู่โดยรอบ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ก็ต้องยอมรับว่า หนักหนาสาหัส
โดยเฉพาะคดีปลอมแปลง”พระปรมาภิไธย”
เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคดีตัวอย่างมาแล้วอย่างเด่นชัดในคำพิพากษา ติดคุกสถานเดียว ไม่มีหนทางอื่น
เรื่องอย่างนี้ทำไม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะไม่รู้
