หากไม่เริ่มต้นจาก “หมายจับ” จะไม่เข้าใจในบทบาทของ “ดีเอสไอ” และของ “ตำรวจ”

ในการ”รุก”เข้าไปยัง “วัดพระธรรมกาย”
ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ยืนยันตรงกัน
ยืนยันในเรื่อง 3 หมายจับ
หมายจับ 1 ศาลอาญาอนุมัติตามคำขอของ”ดีเอสไอ”เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559
หมายจับ 2 ศาลจังหวัดเลยออกหมายตามคำขอตำรวจเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2559
หมายจับ 3 ศาลจังหวัดสีคิ้วออกหมายตามคำขอตำรวจเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2559
แม้อายุความจะยาวนานถึง 15 ปี
แต่หาก “ตำรวจ” และ “ดีเอสไอ”ไม่ดำเนินการก็จะกลายเป็น “ปัญหา”
ประเด็นก็คือ เป็นปัญหาของ “ใคร”

แน่นอน หากมองในรูปของ “คดี” ปัญหาน่าจะเป็นของ “จำเลย” ซึ่งก็คือ ปัญหาของ พระธัมมชโย
กระนั้น หากมองในกระบวนการ “ปฏิบัติ”
หากมีการขอ “หมายเรียก” และพัฒนาไปสู่ “หมายจับ”แล้วไม่สามารถ “กระทำ” ได้
ปัญหาก็จะกลายเป็นของ “ผู้ปฏิบัติ”
ในความเป็นจริงตามหมายจับที่ศาลอาญาอนุมัติเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559
เคยมีความพยายามลงมือในวันที่ 16 มิถุนายน 2559
ผลเป็นอย่างไร “ตำรวจ”รู้ “ดีเอสไอ”รู้ เพราะว่า พระธัมมชโย ก็ยังอยู่ที่วัดพระธรรมกาย
ยืดเยื้อ เรื้อรังมาถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2559
ยืดเยื้อ เรื้อรัง กระทั่ง”หมายจับ”ไม่เพียงมี 1 หากแต่งอกกลายเป็น 2 กลายเป็น 3
โดยพระธัมมชโยก็ยังอยู่ “วัดพระธรรมกาย”

มองจากด้านของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มองจากด้านของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ซึ่งเป็น “ผู้บังคับบัญชา”
ก็ย่อม”แปลกใจ” ก็ย่อม”หงุดหงิด”
1 หงุดหงิดในประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ “ตำรวจ” หงุดหงิดในประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ “ดีเอสไอ”
ขณะเดียวกัน 1 ก็ย่อม “แปลกใจ”
แปลกใจใน “บารมี” ของ พระธัมมชโย แปลกใจใน”บารมี” ของศิษยานุศิษย์สำนักวัดพระธรรมกาย
ความเป็นจริงนี้จึง “ท้าทาย” อย่าง”แหลมคม”
ท้าทายต่อ “บารมี” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายารวมไปถึง “ตำรวจ” รวมไปถึง”ดีเอสไอ”
จึงเป็นพลัง “ผลักรุน”ให้ “ตำรวจ”และ”ดีเอสไอ”จำเป็นต้องเดินหน้าเข้า “วัดพระธรรมกาย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน