แล้วกรณี “บ้านป่าแหว่ง” บนดอยสุเทพ เชียงใหม่ ก็หวนกลับมาเป็นปัญหาทั้งๆที่ไม่ควรจะเป็นปัญหา

เพราะมี “คำสั่ง”จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไม่ว่าจะประเมินว่าเป็นคำสั่งในฐานะ “หัวหน้าคสช.” ไม่ว่าจะประเมินว่าเป็นคำสั่งในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” คือนายกรัฐมนตรีก็ล้วนสำคัญ

แต่กลับปรากฏ “ภาพ” อันเท่ากับเป็นการละเมิดต่อ “คำสั่ง”

นั่นก็คือ แทนที่จะถอนคนออกไปจาก “บ้านป่าแหว่ง”อันเป็นปัญหา กลับปรากฏมีการเข้าไปอยู่อาศัยมากกว่า 30 ครัวเรือนโดยไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัวออกไป

หากเป็นจริงก็เท่ากับเป็นการท้าทาย

น่าสังเกตว่า เสียงจากเครือข่าย “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” ดังก้องมาแล้ว 2 วัน

แต่ยังไม่มี “แถลง” มาจาก “รัฐบาล”

ทั้งๆที่การตั้งข้อสังเกตของ “เครือข่าย” มิได้เป็นการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย ตรงกันข้าม มีทั้งภาพ เสียงและพฤติการณ์สกัดขัดขวางการตรวจสอบอย่างเด่นชัด

เท่ากับการแอบส่งคนไปพักอาศัยใน “บ้านป่าแหว่ง” สวนทางอย่างสิ้นเชิง

1 เป็นการสวนทางกับ “คำสั่ง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

1 เป็นการละเมิดข้อตกลงที่ “รัฐบาล”และ “ภาคประชาชน”ตกลงร่วมกันผ่านรูป “คณะกรรมการ”

1 เท่ากับเป็นการสวนทางกับ “มติ”ของประชาชน

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เพียงแต่ นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่จะต้องมีคำตอบให้กับประชาชน

หากที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิอาจนิ่งเฉยแบบทองไม่รู้ร้อนอย่างเด็ดขาด

ก่อนหน้านี้เคยคิดกันว่า เมื่อมติอันเรียกว่า “ประชาสังคม”เป็นเช่นนี้ ประสานกับความตั้งใจจริงของ “คสช.”ที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญ ทุกอย่างก็น่าจะราบรื่น เรียบร้อย

แต่การที่ปรากฏภาพครอบครัวไม่ต่ำกว่า 30 ครอบครัวเข้าไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ “บ้านป่าแหว่ง”สะท้อนให้เห็นว่า

กรณีนี้น่าจะยืดเยื้อ เรื้อรัง ไม่จบลงอย่างง่ายดาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน