ทำไมพรรคพลังประชารัฐจึงได้รับความสนใจจากประชาชนเหนือกว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ไม่ว่ามองจากจุด “พรรคการเมืองใหม่”
อย่างน้อยก็สามารถกวดตามพรรคอนาคตใหม่แม้จะได้เพียง ร้อยละ 24.35 ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ได้ถึงร้อยละ 57.51
โดยพรรครวมพลังประชาชาติไทยไม่ติด 3 อันดับแรก
อย่างน้อยก็สามารถกวดตาม พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ไปอยู่อันดับ 4 ของพรรคการเมืองโดยทั่วไป แม้จะได้คะแนนเพียงร้อยละ 17.39
การมองอย่างเปรียบเทียบระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ พรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงสำคัญ
สำคัญต่อกระบวนการสร้างพรรคของ”คสช.”
หากมองผ่านความอึกทึกครึกโครมในการจัดประชุมใหญ่หนแรก ต้องถือว่าภาพเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ณ มหาวิทยาลัยรังสิต ถือว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยประสบความสำเร็จ
มีความเหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ
แต่แล้วเหตุใดพรรครวมพลังประชาชาติไทยกลับแผ่วลงๆขณะที่พรรคพลังประชารัฐกลับกลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ มากยิ่งกว่า
แสดงว่าชื่อเสียงของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เหนือกว่าชื่อเสียงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กระนั้นหรือ
อาจไม่ใช่
แต่เป็นเพราะบทบาทของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เคลื่อนคล้อยไปตามความต้องการของคสช.และรัฐบาลได้มากยิ่งกว่า
ขณะที่ภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทยกลับสะเปะสะปัด “อำนาจนำ” ยังไม่ดำเนินอย่างเป็นเอกภาพ
เส้นทางของพรรคพลังประชารัฐจึงอยู่ในสปอตไลต์ เส้นทางของ พรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงตกเฟรมไปเป็นลำดับ
กระนั้น ความดังของพรรคพลังประชารัฐก็น่าสงสัย
เพราะว่าเป็นความดังอยู่บนพื้นฐาน “การดูด”ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ”พลัง ส.”อีกคนที่นั่งอยู่ใน”ทำเนียบรัฐบาล”
อาจเหนือว่า”รวมพลังประชาชาติไทย”แต่ก็ไม่แน่ว่าจะ”รุ่ง”