แม้ว่าปฏิบัติการ “ดูด” ระลอกแล้วระลอกเล่าดำเนินไปตามกระบวนการอย่างที่เรียกว่า “ลับ ลวง พราง”ในทางการทหาร แต่เมื่อถึงเวลาอันแน่นนหนึ่งก็จะเปิดเผยตัวเองออกมา

ที่ว่าลับก็ไม่ลับ ที่ว่าลวงก็ไม่ลวง ที่ว่าพรางก็ไม่พราง

ณ วันนี้ เหมือนกับว่าการเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ อดีตส.ส.บางคนเป็นเรื่องของการรับใช้ชาติ

ในฐานะรองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

กระนั้น พลันที่ปี่กลองการเลือกตั้งดังขึ้น รองผู้ว่าฯกทม.คนนั้นกลายเป็นคนของพรรคการเมืองหนึ่งตามความคาดหมาย

ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกลายเป็นคนยกมือให้กับ”คนนอก”เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี

ลับก็ไม่ลับ ลวงก็ไม่ลวง พรางก็ล่อนจ้อน

การเมืองในยุค “ออนไลน์” กระบวนการเปิดโปงสิ่งที่ตั้งใจให้เป็นกรณีลับ ลวง พราง รวดเร็วอย่างยิ่ง

รวดเร็วยิ่งกว่าการเดินทางของ “แสง”

ไม่ว่าคนๆนั้นจะมียศถานำหน้าว่าเป็น “พลเอก” ไม่ว่าคนๆนั้นจะเคยเป็น “รัฐมนตรี”

แต่”กลิ่น”แห่งการขยับขับเคลื่อนก็”โชย”

ดูกันง่ายๆเถิด เพียงแค่การเปิดตัวของ”สามมิตร”ในตระกูล ส.ออกมาพร้อมกับการดูด นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข กลางรีสอร์ทดัง จังหวัดเลย

ส.1 ย่อมเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.1 ย่อมเป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

ตอนนี้ ส. 1 คนสุดท้ายก็รู้กันสนั่นเมืองว่าเป็นใคร

ก็เหมือนกับปฏิบัติการดูดโดยใช้”ทำเนียบรัฐบาล”เป็นกองบัญชาการใหญ่นั่นแหละ

ลือกันกระหึ่มว่าไม่ใช่ นายวิษณุ เครืองาม แน่นอน

คำถามก็คือ หากเห็นว่าปฏิบัติการ”ดูด”เป็นการทำเพื่อชาติ เป็นการทำเพื่อประชาชน

เหตุใดจึงต้องลับๆล่อๆ

เหตุใดบรรดา”รัฐมนตรี”ทั้งหลายจึงอ้อมๆแอ้มๆ ไม่เปิดหน้าออกมารับว่าเป็นผลงานของตน ทำไมปล่อยให้ “สุริยะ+สมศักดิ์”รับเกียรติยศไปเท่านั้น

หรือว่ายังจำเป็นต้อง ลับ ลวง พราง อยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน