การเจรจา ณ วัดธรรมกาย ระหว่าง “ธรรมกาย” กับ “ดีเอสไอ”เมื่อ วันที่ 2 ธันวาคม

เป็นการเจรจาที่ค่อนข้าง”แปลก”
แปลกไปจากที่เคยมีการเจรจา ณ สภ.คลองหลวง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน
เพราะเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน
ฝ่าย 1 คือ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรเฉลิมเดช ฝ่าย 1 คือ พระราชภาวนาจารย์
เพราะเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
ฝ่าย 1 คือ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ฝ่าย 1 ที่ออกมาแถลงคือ พระมหานพพร ปุญญชโย
การเจรจาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน “ล้มเหลว”
เพราะหากไม่ล้มเหลวก็คงไม่มีการเจรจารอบ 2 ในวันที่ 2 ธันวาคม
เด่นชัดว่า การเจรจารอบ 2 ก็ “ล้มเหลว”

ถามว่าที่การเจรจา ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ล้มเหลวเพราะอะไร
เหมือนกับเป็นเพราะ”ธรรมกาย”ไม่ยอม
เหมือนกับเป็นเพราะ”ธรรมกาย”มากด้วยเงื่อนไข มากด้วยข้อต่อรอง
แต่หาก”ลงลึก”ไปใน”ความเป็นจริง”ก็จะ”ค้นพบ”
ค้นพบได้ไม่ยากว่า ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
คือการเจรจาที่รู้อยู่แล้วว่าจะ “ล้มเหลว”
“ธรรมกาย”เองก็รู้อยู่ว่าผลจะล้มเหลว “ดีเอสไอ”หรือ”ตำรวจ”ก็รู้อยู่ว่าผลจะล้มเหลว
ทำไม

คำตอบ 1 เห็นได้จาก “ตำรวจ” ขยายผลจาก พระเทพญาณมหามุนี ไปยัง พระราชภาวนาจารย์
งัดมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มา “เล่นงาน”
อย่าได้แปลกใจที่การเจรจาในรอบที่ 2 พระราชภาวนาจารย์ ไม่ยอมปรากฏตัว
และเชื่อว่าแม้มีรอบที่ 3 ก็ไม่ปรากฏตัว
คำตอบ 1 เห็นได้จากแถลงล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
“การเจรจาเป็นหน้าที่ของฝ่ายสงฆ์ สำนวนคดีนี้พ้นอำนาจ พนักงานสอบสวนดีเอสไอไปแล้ว การประกันตัวจึงไม่อยู่ในอำ นาจของดีเอสไอ”
เป็นการเข้าเจรจาโดย “ไม่มีอำนาจ”ในการเจรจา
เช่นเดียวกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ก็ดำเนินบทบาทแค่ “ผู้ประสาน” ระหว่าง “ดีเอสไอ” กับ”วัดพระ ธรรมกาย”
เมื่อไม่มีอำนาจการเจรจาก็อยู่ในภาวะ”สูญญากาศ”
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนบทเพลง”เสียงแห่งความเงียบ” แม้จะ”ฟัง” แต่ก็”ไม่ได้ยิน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน