สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ในความรักประเทศชาติและคำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชน
พระองค์ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงตระหนักถึงสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ของราษฎรเป็นอย่างดี จึงทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ นานัปการ เพื่อยังความสุขความเจริญก้าวหน้าแก่บ้านเมืองและชาวไทยทุกถิ่นฐาน รวมถึงพระราชกรณียกิจด้านต่างประเทศด้วย
โดยระหว่างที่ทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงสนองพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในด้านต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศด้วย อาจประมวลพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ ได้พอสังเขป ดังนี้
- พระราชกรณียกิจด้านการเกษตร
พระองค์ทรงตระหนักในความสำคัญของการเกษตรซึ่งเป็นหัวใจหลักด้านเศรษฐกิจของชาติ ทั้งมีพระราชประสงค์จะทรงดำรงรักษาความผูกพันระหว่างสถาบันกษัตริย์และเกษตรกรตามรอยพระราชบุรพการี
ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงปฏิบัติพระราชกิจในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อันเป็นพระราชพิธีสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรประจำทุกปี
ได้เสด็จฯ ทรงเป็นประธานการทำนาสาธิตโดยการใช้ปุ๋ยหมัก ณ บริเวณบึงไผ่แขก ตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงหว่านข้าวและเกี่ยวข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ที่บ้านนาป่า ตำบลบางงาม อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
ทรงปฏิบัติการสาธิตการทำนาด้วยพระองค์เอง ทรงพระดำเนินลุยโคลนหว่านพันธุ์ข้าวปลูกและปุ๋ยหมักในแปลงนาสาธิต ยังความชื่นชมโสมนัสปลาบปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระราชจริยวัตรแก่บรรดาข้าราชการและประชาชนที่เฝ้าทูลละอองธุรีพระบาท
มีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ตั้งแต่พุทธศักราช 2545 เพื่อช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นให้ได้มีเทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่ และนำไปปรับปรุงงานเกษตรกรรมของตนให้ได้ผลผลิตมากขึ้นสามารถ เลี้ยงตนเองได้อย่างยั่งยืน
ทรงยึดแนวทางการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการดูแลช่วยเหลือราษฎรในเรื่องปัญหาดินและน้ำในลักษณะต่างๆ โดยมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ เช่น ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาด้านเกษตรกรรมเกษตรวิชญา บ้านกองแหะ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านกูแบสิรา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี การสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำให้ราษฎรหลายหมู่บ้านในตำบลหนองแคน และตำบลดงมอน อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร
นอกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมแหล่งเกษตรกรรมต่างๆ อาทิ โครงการปศุสัตว์ ที่อำเภอมูโนะ จังหวัดนราธิวาส สถานที่สร้างอ่างเก็บน้ำสำหรับหมู่บ้านกกคู อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น
- พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยในการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลอันมีคุณภาพ เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
พุทธศักราช 2520 รัฐบาลและประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้ร่วมกันจัดสร้าง “โรงพยาบาลสมเด็จ พระยุพราช” เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ ขึ้น 21 แห่ง เพื่อให้การบริการด้านสาธารณสุขกระจายไปยังประชาชนในถิ่นทุรกันดารอย่างทั่วถึง มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 แห่ง ได้แก่
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกระนวน จังหวัดขอนแก่น
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จังหวัดนครพนม
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จังหวัดเลย
ภาคเหนือ 6 แห่ง ได้แก่
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ จังหวัดเชียงราย
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จังหวัดแพร่
ภาคใต้ 4 แห่ง ได้แก่
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี จังหวัดปัตตานี
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา จังหวัดยะลา
ภาคกลาง 2 แห่ง ได้แก่
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
– โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง จังหวัดราชบุรี
ทรงพระราชอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ ทรงเปิดโรงพยาบาล ทรงตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ ณ โรงพยาบาลต่างๆ พร้อมทั้งทรงเยี่ยมราษฎรที่เจ็บป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาล ได้พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยเพื่อสามารถให้บริการที่ดีแก่ประชาชน
ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำรัสแก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล มีความส่วนหนึ่งว่า
“ทุกคนที่ทำงานให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจะต้องไม่ลืมว่าโรงพยาบาลแห่งนี้กำเนิดขึ้นจากความมุ่งปรารถนาอันแรงกล้าของคนไทยทั่วราชอาณาจักร ที่ต้องการจะเห็นผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารทุกหนแห่งได้รับความเอาใจใส่รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้โดยทั่วถึงเสมอหน้ากัน”
ปัจจุบันพระราชดำรัสนี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานบนหินแกรนิตบริเวณด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดตั้ง ณ บริเวณด้านหน้าอาคารผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทุกแห่งเป็นมิ่งขวัญกำลังใจของประชาชน และเป็นแนวทางในการปฏิบัติภารกิจของคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย
พุทธศักราช 2537 ทรงรับเป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดสร้างอาคารศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
พุทธศักราช 2550 พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนที่หมู่บ้านสันติ 2 ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา และด้วยพระเมตตาคุณที่ทรงห่วงใยในสุขภาพของผู้ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาต่างๆ พุทธศักราช 2554 จึงทรงสนับสนุนโครงการตรวจสุขภาพภิกษุ สามเณรและผู้นำศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
และเมื่อเสด็จพระราชดำเนินออกทรงเยี่ยมราษฎรในส่วนภูมิภาคจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะแพทย์ที่ตามเสด็จตรวจรักษาโรคแก่ประชาชน และทรงรับผู้ป่วยที่ยากไร้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์
- พระราชกรณียกิจด้านศาสนา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธมามกะเมื่อพุทธศักราช 2509 และทรงพระราชศรัทธาเสด็จออกทรงผนวชเมื่อพุทธศักราช 2521
นอกจากนี้ ยังทรงปฏิบัติพระราชกิจในการสนับสนุนกิจกรรมศาสนาต่างๆ เป็นนิจ อาทิ เสด็จพระราชดำเนินในฐานะผู้แทนพระองค์ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ณ วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม ตามฤดูกาล
ทรงเป็นผู้แทนพระองค์เปิดงานเมาลิดกลางของศาสนาอิสลาม และร่วมกิจกรรมส่งเสริมคริสต์ศาสนา ศาสนาพราหมณ์ฮินดู และศาสนาซิกข์ เป็นต้น
ทรงเป็นประธานในการดำเนินงานการก่อสร้างพระพุทธรูป “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” ณ หน้าผาเขาชีจรรย์ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พุทธศักราช 2549
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระราชอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงควบคุมการจัดสร้างตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นบนหน้าผาที่สง่างามดังปรากฏในปัจจุบัน
นับตั้งแต่พุทธศักราช 2553 เป็นต้นมา ได้ทรงทำการบินเที่ยวบินมหากุศลในตำแหน่งนักบินที่ 1 เที่ยวบินพิเศษของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) นำคณะพุทธศาสนิกชนไปสักการะปูชนียสถานสำคัญ ทรงบริจาคพระราชทรัพย์เพื่อประโยชน์ทางศาสนา จึงมีผู้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินเพื่อสมทบทุนเพื่อการกุศลอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
พุทธศักราช 2555 เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2555 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำการบินเที่ยวบินมหากุศล เส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-ขอนแก่น เที่ยวบินพิเศษ TG 8866 นำคณะพุทธศาสนิกชนจำนวน 113 คน ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น รายได้จากการจำหน่ายบัตรและเงินบริจาคสมทบจากผู้มีจิตศรัทธาครั้งนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อสมทบทุน “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.)”