การมาอยู่ขบวนเดียวกันกับคสช.สำหรับบางคนในพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นเรื่องน่ายินดี

เพราะศัตรูของ”คสช.” คือ “พรรคเพื่อไทย”
ไม่ยากเลยที่คนอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือคนอย่าง นายสุริยะใส กตะศิลา จะขุดโคตรเหง้าศักราชของ “พรรคเพื่อไทย”ออกมาชำแหละ
เพราะ นายสุริยะใส กตะศิลา ก็ทำมาแล้วก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
เพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ทำมาแล้ว
แต่สำหรับบางคนอย่าง นายจำลอง ครุฑขุนทด อย่าง นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข หรืออย่างนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อาจดูไม่จืด
ดูไม่จืดเมื่อหันกลับมาเล่นงาน”พรรคเพื่อไทย”

นายจำลอง ครุฑขุนทด อาจจะเคยรุ่งและโดดเด่นเมื่ออยู่พรรคปวงชนชาวไทย
และออกมาปกป้อง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก
แต่ก็เพิ่งได้ลิ้มรสความหอมหวานของตำแหน่ง”รัฐมนตรี”ในยุคของพรรคไทยรักไทย
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ก็ในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ยิ่ง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ซึ่งมีสมญา”แรมโบ้”ตีคู่มากับ นายธีระชัย แสนแก้วในยุคพรรคไทยรักไทย
ก็โดดเด่นเป็นอย่างมากในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
กระทั่ง ได้ตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเคยแม้กระทั่งตั้ง”กองกำลัง”
แล้วอยู่ๆจะให้ นายจำลอง ครุฑขุนทด นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ออกมาเล่นงาน ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย
คงเป็นภาวะที่พะอืดพะอมยิ่งในทางการเมือง

หนทางของ “นักการเมือง”ที่เปลี่ยนพรรค เปลี่ยนแนวทางเช่นนี้มีโอกาสเป็นได้ 2 แนวทาง
แนวทาง 1 คือ มุทะลุดุดันเพื่อเรียกความวางใจจากนายใหม่
ขณะเดียวกัน แนวทาง 1 คือ สงบเสงี่ยม เจียมตัว ทำอะไรอยู่แนวหลัง ไม่ออกนอกหน้า
คอยดูว่า”นักการเมือง”พวกนี้จะเล่นบทไหน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน