ยิ่งกำหนดเส้นตายใน “วันที่ 10 ธันวาคม” รุกคืบเข้ามาใกล้มากเพียงใด ยิ่งจำเป็นต้องศึกษา”กระบวนท่า”อย่างเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะจาก”ดีเอสไอ”
ไม่ว่าจะจากสำนัก”วัดพระธรรมกาย”
มองผ่าน “กลยุทธ์” ฝ่ายของ “ดีเอสไอ” อยู่ในสถานะเป็นฝ่าย “รุก” อย่างแน่นอน
เพราะมี “กฎหมาย” อยู่ใน “มือ”
เพราะได้รับการหนุนเสริมจาก “คสช.” และจาก”รัฐบาล”อย่างเต็มพิกัด
ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
มองผ่าน”วัดพระธรรมกาย”อยู่ในสถานะ “รับ”
เพราะอยู่ในสถานะถูก”หมายจับ”ไม่ต่ำกว่า 3 ใบ และอยู่ในสถานะที่อาจถูกปฏิบัติการพร้อมกับ”หมายค้น”
กระบวนการ”รุก”เป็นอย่างไร กระบวนการ”รับ”เป็นอย่างไร

กระบวนการรุกของ”ดีเอสไอ”มิได้ดำเนินไปอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย
ไม่เพียงแต่จะมี”อัยการ”อยู่เรียงเคียงข้าง
ไม่เพียงแต่จะมี”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ประกาศพร้อมให้”กำลังพล”และ”อุปกรณ์”หนุนเสริม
หากยังมี “มหาเถรสมาคม” เป็น”แบ็ค”
หากยังมี “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” พร้อมเป็นผู้ประสานงาน
นอกจากรุกผ่าน”หมายจับ” ยังตระเตรียม”หมายค้น”
ขณะเดียวกัน ก็ขอความร่วมมือจาก “กสทช.”จัดการสั่ง”จอดำ”ให้กับสถานีโทรทัศน์ DMC 30 วัน
นี่คือ ความพร้อมก่อน “ปฏิบัติการ”

เบื้องหน้าการรุกอย่างต่อเนื่องจาก”ดีเอสไอ” ทางด้าน”วัดพระธรรมกาย” แทบไม่เหลือทางเลือก
ต้อง”ถอย”สถานเดียว
1 คือ ความเงียบจาก พระเทพญาณมหามุนี ทั้งจากเจ้าตัวให้ทีมทนายความ
1 คือ ความเงียบจาก”ศิษยานุศิษย์”
โฆษกเจ้าประจำอย่าง นายองอาจ ธรรมนิทา ปิดปากไม่ออกมาแถลง ชี้แจงใดๆ
1 โฆษกจาก”สำนักงานสื่อสารองค์กร”ก็เงียบ
มีเอกสารและคำชี้แจง แต่ก็ชี้แจงในนามของ “สำนักงาน”โดยไม่ระบุ “ตัวบุคคล”
แทบไม่มี “ข่าว” แทบไม่มี “การเคลื่อนไหว”
ปรากฏแต่เพียงจำนวนรถแล่นเข้า แล่นออกในแต่ละประตูคันแล้วคันเล่า
จำนวนรถเท่าใด ไม่แจ้ง จำนวนคนเท่าใด ไม่ชัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน