คําว่า “ทหารรับใช้” ปรากฏในกฎเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน รศ.131 ระบุทหารที่ได้รับคำสั่งให้ไปอยู่ทหารสัญญาบัตรเรียกว่า “ทหารรับใช้ประจำตัวนายทหาร”
มีหน้าที่รับใช้นายทหารที่ไปอยู่ด้วย ตลอดจนบุตรและภรรยาในกิจการบ้านเรือนทุกประการ รวมถึงรักษาทรัพย์สินและสิ่งของต่างๆ ด้วย
ทำให้มีธรรมเนียมปฏิบัติของทหารจนมาถึงทุกวันนี้ โดยนายทหารชั้นสัญญาบัตรในทุกหน่วย จะมีพลทหารรับใช้ตั้งแต่ส่วนตัวไปจนถึงภารกิจอื่นๆ
โดยเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงจะได้รับจากต้นสังกัด เช่นเดียวกับทหารที่ประจำการอยู่ภายในหน่วย
ที่ผ่านมา มักมีเหตุการณ์เกี่ยวกับทหารรับใช้ที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาอยู่เสมอ บ้างก็ถูกทารุณกรรม ทุบตีทำร้าย ใช้แรงงานหนัก จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเพราะความกดดันส่วนตัว
กองทัพเองก็พยายามป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้น โดยให้เลือกกำลังพลที่มีสภาพจิตใจปกติ มีร่างกายที่แข็งแรง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีความประพฤติที่เหมาะสม
ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันระบุว่า การขอใช้พลทหารกองประจำการในทุกภารกิจ ต้องมีความเหมาะสม ความพร้อมของหน่วย ถ้าเป็นภารกิจที่นอกเหนือจากกองทัพ ต้องทำความเข้าใจกับกำลังพลที่จะไปปฏิบัติภารกิจนั้นๆ ด้วย
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ผู้บัญชาการทหารบก ยังระบุด้วยว่าในปัจจุบันกำลังพลของกองทัพบกเอง ต้องตระหนักเสมอว่า การดำเนินการใดๆ ต้องสอดคล้องกับหลักการและข้อเท็จจริงของสังคม อะไรที่ไม่ได้รับการยอมรับ ต้องไม่ปฏิบัติ
จึงหวังว่าทุกหน่วยในกองทัพจะได้รับทราบนโยบายนี้ และนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องตรงกัน เพราะสาเหตุที่กองทัพถูกจับจ้องจากสังคมใน ขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากที่ทหารปฏิบัตินอกเหนือภารกิจของตัวเอง
ขณะเดียวกันเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็มักจะมีลักษณะปกป้องตัวเองจนเกินไป จึงทำให้สังคมยิ่งเกิดความสงสัย และเพิ่มความแปลกใจหนักเข้าไปอีก โดยเฉพาะข้ออ้างเกี่ยวกับ “การไหว้วาน” และ “ขอยืมตัว”
เพราะปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว จะกลับไปทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว ดังที่ผู้บัญชาการทหารบกระบุเอง