ประเมินจาก “นักการเมือง” ที่ นายสุพล ฟองงาม นำแถวไปรอต้อนรับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มา”ครม.สัญจร”แล้วก็ต้องส่ายหน้า

เพราะว่าไม่สมกับ “ราคาคุย”

คำว่า “ราคาคุย” ในที่นี้มิได้หมายความว่าออกจากปากของ นายสุพล ฟองงาม

หากแต่หมายความว่าออกจากปาก”พรรคพลังดูด”

หากแต่หมายความว่าที่อ้างว่ามีอดีตส.ส.และอดีตส.ว.รวมกันแล้วมากกว่า 200 นั้นน่าจะคลาดเคลื่อน

ตรงกับคำว่า”กลวง”จาก นายอดิศร เพียงเกษ มากกว่า

แม้การมาของ นายวุฒิพงษ์ นามบุตร จะช่วยเพิ่มตัวเลขให้กับคณะของ นายสุพล ฟองงาม

แม้ตระกูล”นามบุตร”จะแนบแน่นกับ”ลุงกำนัน”

แต่ก็ต้องยอมรับว่า นายวุฒิพงษ์ นามบุตร เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ และหากจะย้ายก็คงไม่ย้ายไปอยู่กับ นายสุพล ฟองงาม

แต่ 10 กว่าคนมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นอดีตส.ส.จาการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 และเป็นคนของ”พรรคชาติไทยพัฒนา”

รายชื่อนอกจากนั้นหากมิใช่ผู้สมัคร ส.ส.แล้วสอบตก ก็เป็นอดีตส.ส.ที่เคยสอบตกมาแล้วในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 และบางคนตกตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2550

เมื่อนำเอาภาพแห่งความเป็นจริงไปเทียบกับคำคุยโวโอ้อวดจาก “กลุ่มสามมิตร”จึงเท่ากับฉายสะท้อนให้เห็นอาการว่างโหวงที่ดำรงอยู่ภายใน”พรรคพลังดูด” ที่เคยมั่นใจว่าจะสามารถทะยานไปยังตัวเลขไม่ต่ำกว่า 150 ใน
การเลือกตั้งน่าจะเป็นราคาคุย

คุยเพื่อปั่น”ราคา”ในแบบกลยุทธ์”การตลาด”

ยิ่งล่าสุดเมื่อแตะไปยัง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แตะไปยัง นายอดิศร เพียงเกษ ยิ่งสะท้อนถึงลักษณะอันเปราะบาง

เพราะลีลาจากพรรคชาติพัฒนาสูงกว่า

เพราะลีลาจาก นายอดิศร เพียงเกษ นั้นเท่ากับกระหน่ำเข้าที่ยอดอกอย่างไม่ปราณีปราศรัย สะท้อนให้เห็นลักษณะซับซ้อนอันดำรงอยู่ในทางการเมือง

ที่ “พรรคพลังดูด”จำเป็นต้องเรียนรู้อีกมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน