คำประกาศอันมาจากหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ให้ครบทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ

สะท้อนทั้งความมุ่งมั่นและความห้าวหาญ

ห้าวหาญเหมือนกับองค์ประกอบของพรรคที่ยืนยันว่าเป็นคนรุ่นใหม่ร้อยละ 80 ขณะที่มีคนรุ่นเก่าดำรงอยู่เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น

ในฐานะที่ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ เคยอยู่ในทีมปฏิรูปการ เมืองของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาก่อน

แวดวงการเมืองจำเป็นต้องล้างหูน้อมรับฟังอย่างให้ความเคารพ

แม้จะเคยมีการเผยแพร่ความเชื่อที่ว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ตัวประชาธิปไตย เพราะเสมอเป็นเพียงการตัดสินใจ 4 วินาที แล้วก็หมดสิ้น ภาระหน้าที่

ฟังได้จากเวที”พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย”

ฟังได้จากเวที “กปปส.” ในห้วงแห่งการดำเนินมาตรการ”ชัตดาวน์” อันเข้มข้น

แต่เมื่อปี่กลอง”เลือกตั้ง”เริ่มขึ้นก็สัมผัสได้ถึง”ความหวัง”

อย่างน้อยในกระบวนการของการเลือกตั้งเราก็ได้รับฟังการนำเสนอแนวทางและนโยบายอย่างที่ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ สำแดงออกในฐานะหัวหน้าพรรค

อย่างน้อยก่อนจะเข้าสู่คูหาและตัดสินใจ ประชาชนก็ได้ใช้วิจารณญาณก่อนสำแดง”อำนาจ”ที่มีอยู่ในมือ

ว่าจะเชื่อได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด

อย่างน้อยเมื่อเทียบกับการเดินตัดสนามมากับ”รัฐประหาร” กระบวนการ”เลือกตั้ง”ย่อมล้ำเลิศมากกว่า

เพราะเป็นการตัดสินใจ”เลือก”ของ”ประชาชน”

ถามว่าเราจะพิจารณาบทบาทและความหมายของแต่ละพรรคและนักการเมืองจากบรรทัดฐานอะไร

จาก “คำแถลง” อันสวยหรูของเขา

หรือจาก “การปฏิบัติ”ที่เป็นจริงว่า เขาทำตาม “คำแถลง”หรือไม่

ในที่สุดแล้ว “การปฏิบัติ”ที่เป็นจริงต่างหากคือเครื่องตรวจสอบอย่างดียิ่ง

เมื่อท่าน”พูด”คนจะฟัง เมื่อท่าน”ลงมือทำ”คนจะเชื่อ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน