ทันทีที่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เดินขึ้นกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแจ้งความต่อรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน”

นั่นมิได้เป็นเรื่อง “ส่วนตัว”อย่างแน่นอน

เพราะเป็นการกระทำในนามนายทหารปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คสช.

เพราะรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” มิได้เป็นกิจกรรมในแบบ “ส่วนตัว” หากแต่เป็นกิจกรรมและการเคลื่อนไหว 1 ในนามพรรคอนาคตใหม่

และประเด็นอันมีการกล่าวโทษ คือ เรื่องของ “พลังดูด”อันอื้อฉาวอย่างยิ่งในทางการเมือง

เหตุใด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จึงรู้สึกว่าเป็นเกียรติ เพราะว่าการแจ้งความครั้งนี้มิได้เป็นเรื่องส่วนตัว หากแต่เท่ากับเป็นผลสะท้อนมาจากการเมือง

เท่ากับ 1 คสช.ได้ยกระดับให้กรณี “พลังดูด”เป็นประเด็นที่คสช.มีส่วนเกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน เท่ากับ 1 คสช.ตระหนักว่าบทบาทและการขับเคลื่อนของพรรคอนาคตใหม่ผ่านรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” โดยเฉพาะในเรื่อง “พลังดูด”เป็นเรื่องที่คสช.ไม่อาจปล่อยให้ผ่านเลยไป

ถึงกับมีบทสรุปและประเมินว่า

“นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความตื่นตระหนก ยุยง และเป็นภัยต่อความมั่นคง”

เท่ากับเฉียดเข้าใกล้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

นี่จึงเป็นเรื่องที่ไม่เพียงแต่คสช.และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการพิสูจน์

และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จักต้องต่อสู้ แก้ต่างว่าไม่จริง

ความหมายทั้งหมดของการแสดงออกโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ จึงเป็นการดึงเอาพรรคอนาคตใหม่มาเป็นคู่กรณีกับคสช.

โดยมีประเด็น “พลังดูด”เป็นเนื้อหาใจกลาง

นี่เท่ากับเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคสช.จะเข้าไปมีบทบาทอย่างสำคัญต่อกระบวนการในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการหาเสียงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ในทางการเมือง

แม้ว่าบทบาทนี้จะเป็นของ “กกต.”ตามรัฐธรรมนูญก็ตาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน