ข้อปฏิบัติของช่างภาพสื่อมวลชน ออกโดยกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 มีเนื้อหาระบุถึงมารยาทในการถ่ายภาพและข้อควรปฏิบัติในการบันทึกภาพ ซึ่งกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2558 แต่เพิ่งนำออกมาบังคับใช้เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ทีมงานโฆษกรัฐบาลชี้แจงด้วยความประหลาดใจในทีแรก ว่ายังไม่ทราบเรื่อง

กระทั่งต่อมาจึงชี้แจงว่า วัตถุประสงค์ของการออกข้อปฏิบัติเป็นความปรารถนาดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องการให้การรักษาความปลอดภัยผู้นำประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีความเป็นสากล และมีมาตรฐานเช่นเดียวกับนานาประเทศ

คำชี้แจงนี้ยังคงน่าแปลกใจอยู่เช่นเดิม ในจังหวะเวลาที่เพิ่งบังคับใช้กับงานที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่ริเริ่มไว้ 3 ปีมาแล้ว

เนื้อหาของข้อควรปฏิบัติดังกล่าว เน้นถึงการรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำประเทศ เช่น ห้ามช่างภาพวิ่งตัดหน้า วิ่งลุกลนหรือห้อมล้อมกีดขวางทางเดิน ให้บันทึกได้ในจุดหรือสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้

พร้อมกันนี้ยังคาดโทษด้วยว่า หากฝ่าฝืนมารยาทข้อควรปฏิบัติหรือไม่เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ จะถูกริบปลอกแขนและห้ามบันทึกภาพ

อย่างไรก็ตาม ตลอดสามปีมานี้ สื่อมวลชนเพิ่งรับรู้ว่า แม้มีกฎเกิดขึ้น แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับใช้ข้อปฏิบัติโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย

เช่น โค้งคำนับก่อนและหลังการถ่ายภาพ ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปทบทวนและถอนออกไปแล้ว

กรณีดังกล่าวแม้เป็นเรื่องแปลกแต่ไม่ยากเกินไปที่จะเข้าใจ

โดยเฉพาะประเด็นของการออกกฎระเบียบที่ไม่ได้ผ่านการปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อบังคับ ในที่นี้คือสื่อมวลชน

เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2557 นั้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ การออกกฎหมาย หรือข้อปฏิบัติต่างๆ จึงไม่มีกระบวนการทางประชาธิปไตย ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วม ระหว่างฝ่ายออกกฎกับฝ่ายที่ต้องปฏิบัติตามกฎ

ดังนั้นแม้กฎจะออกมาเมื่อใด หรือมีเนื้อหาอย่างไร จึงมักไม่ได้เป็นที่รับทราบ

อีกทั้งจะนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่เคร่งครัด จะเพิกเฉย หรือล้มเลิกข้อใด เงื่อนไขใดนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับรัฏฐาธิปัตย์ เป็นสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน