ขณะที่พรรคพลังชาติไทยขึ้นป้าย“ชมรมจิตอาสาพลังชาติไทย”หน้าสำนักงานที่นครศรีธรรมราช
ทหาร ตำรวจ กว่า 30 ก็รุกไปถึงที่
ล้อมสำนักงาน นำบันไดเหล็กมาตั้งแล้วปีนขึ้นปลดป้าย“ชมรมจิตอาสาพลังชาติไทย”ลง
แต่ที่สระบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และคณะ เดินทางไปพบกับผู้นำท้องถิ่นที่เคยสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคภูมิใจไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย
สนทนาและให้คำมั่นว่า ในอนาคตจะพัฒนาไปเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองที่“กลุ่มสามมิตร”จะไปสังกัดด้วย
ไม่ปรากฏ”ทหาร” ไม่ปรากฏ”ตำรวจ”ไปสกัดขัดขวาง
นี่คือความต่างระหว่าง”สระบุรี”กับ”นครศรีธรรมราช”
ทั้งๆที่พรรคพลังชาติไทยก็ประกาศอย่างหนักแน่นตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนมาแล้วว่าเป้าหมายของพรรคมีความเด่นชัด
นั่นคือ ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น นายกรัฐมนตรี
อันเป็นการชูในลักษณะเดียวกันกับบรรดาแกนนำ“กลุ่มสามมิตร” และรวมถึงพรรคอันเป็นเป้าหมายที่จะไปสังกัดของ“กลุ่มสามมิตร”เคยประกาศ
นั่นคือ ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ท่าทีของทหารในจังหวัดทหารบกสระบุรี กับท่าทีของทหารในจังหวัดทหารบกนครศรีธรรมราช มีแนวทางในการปฏิบัติ แตกต่างกัน
ที่นครศรีธรรมราชเหมือนกับมองไม่เห็นความหมายอันเด่นชัดที่พรรคพลังชาติไทยประกาศออกมา
ขณะที่ที่สระบุรีอันเป็น”บ้านของทหารม้า”ทอดสายตามองไปยังการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มสามมิตร”ด้วยความเป็นมิตรเหมือนกับที่จังหวัดเลย จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอุบลราชธานีเคยปฏิบัติมาแล้ว
เท่ากับ “กลุ่มสามมิตร”เหนือกว่า“พลังชาติไทย”
กระบวนการปฏิบัติของ 1 ทหาร และ 1 ตำรวจ เช่นนี้ยังมิได้นำไป เทียบที่ปฏิบัติต่อพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอนาคตใหม่
หากแต่เป็น 1 พรรคพลังชาติไทย และ 1 กลุ่มสามมิตร อันร้องเพลงเดียวกันกับคสช.
จะเรียกว่า “ดับเบิล สแตนดาร์ด”ได้หรือไม่