สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันเข้าชื่อเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ที่อาจส่งผลให้กระบวนการคัดเลือกตัวบุคคลที่เข้ามาเป็นคณะผู้ตรวจการเลือกตั้งทั่วประเทศ 616 คนต้องสิ้นสภาพไป และจะต้องดำเนินการสรรหาใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้ระยะเวลาในการเลือกตั้งทั่วไปต้องยืดยาวออกไปอีกจากกำหนดเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ความพยายามดังกล่าวนี้ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งจากผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ไปจนกระทั่งถึงประชาชนทั่วไป ที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวเช่นนี้มีเจตนาแอบแฝงที่จะเตะถ่วงการเลือกตั้งออกไป

ประการหนึ่ง พ.ร.ป.กกต. ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงระเบียบวิธีการในการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็ผ่านการพิจารณาของ สนช. ออกมาเอง

ท่าทีที่จู่ๆ เปลี่ยนจุดยืนชนิดหน้ามือเป็น หลังมือ หรือ “เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า” ย่อมทำให้คนทั่วไปตั้งข้อสงสัยในเจตนาของการเปลี่ยนแปลงนี้

ประการหนึ่ง เป็นไปอย่างที่ประธาน กกต. ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า กระบวนการทั้งหมดเป็นความบกพร่องของ สนช. แต่กลับจะโยนปัญหาไปให้สังคมส่วนใหญ่ ด้วยกระบวนการออกกฎหมายที่ขัดหลักนิติธรรม

ย่อมทำให้เกิดคำถามถึงจุดยืนในเรื่องจริยธรรม และประสิทธิภาพในการทำงานของ สนช. นั้นเอง

นอกจากนั้นแล้ว ท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่เห็นว่าเป็นสิทธิ์ที่สนช.สามารถรื้อกฎหมาย ที่ตนเองเป็นผู้อนุมัติให้ผ่านไปเองแล้วได้

ยิ่งทำให้คนทั่วไปเกิดความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้ว รัฐบาลและคสช. เต็มใจ-พร้อมใจที่จะพาประเทศกลับสู่เส้นทางปกติ ด้วยการเร่งให้เกิดการเลือกตั้งด้วยความสงบเรียบร้อยจริงหรือไม่

เพราะกระบวนการเตะถ่วงก็ดี การเปลี่ยน แปลงจุดยืนที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลปกติได้ก็ดี ล้วนสามารถอธิบายด้วยประโยคสรุปความสั้นๆ ได้ว่า

ผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน ยังไม่ประสงค์จะให้มีการเลือกตั้งในสังคมไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน