กรณีของ “กลุ่มสามมิตร” เป็นรูปธรรมหนึ่งซึ่งสะท้อนให้เห็นสภาพ วิปริต แปรปรวน ในทางการเมือง
วิปริตเพราะอยู่นอกเหนือการควบคุม
เดิมทีที่มี “ไฟเขียว”ให้”กลุ่มสามมิตร”สามารถเคลื่อนไหวได้โดยเสรีเพราะประเมินว่า นี่คือการสะสมแต้ม เก็บคะแนนในทาง การเมือง
สร้างความได้เปรียบต่อพรรคการเมือง”เดิม”
เพราะในขณะที่ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคชาติพัฒนา และโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยไม่สามารถขยับขับเคลื่อนอะไรได้
“กลุ่มสามมิตร” สามารถจรไปได้ทุกที่โดยไม่มีเงาของทหาร ตำรวจ กวดตาม
สถานการณ์ในเบื้องต้นอาจเป็นเช่นนั้น สัมผัสได้จากความคึกคักถึงขนาด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล้า เปิดตัวจะเจื้อยแจ้วด้วยความคึกคัก
ไม่ว่าจะเป็นกลางรีสอร์ทดัง จังหวัดเลย เมื่อดูด นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข
ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสังสรรค์อดีต ส.ส.อดีต ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งจำนวนเหยียบร้อยกลางสนามกอล์ฟดัง จังหวัดปทุมธานี
เย้ยทั้งประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558
แต่แล้วความฮึกห้าวเหิมหาญอย่างนี้แหละกลับอันตราย
เพราะชาวบ้านอ่านออกว่าทั้งหมดนี้ได้รับการยักคิ้วหลิ่วตามาจากทั้งคสช.และรัฐบาล
บทสรุปก็คือ ดับเบิล สแตนดาร์ด สองมาตรฐาน
เหมือนกับ “กลุ่มสามมิตร”จะได้แต้ม เก็บคะแนนสะสมรอประกาศ ความพร้อมใน “การเลือกตั้ง”
แต่ก็เป็นอันตรายต่อมาตรการ”ปิดล็อก”
ในเมื่อคสช.”ล็อก”แต่พรรคการเมืองเดิม แต่ปล่อยฟรีอย่างเต็มพิกัดให้กับ “กลุ่มสามมิตร” ก็แทบไม่ต่างไปจากการมี 250 ส.ว.อยู่ในมือตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ความรู้สึกนี้ย่อมปรากฏชัดผ่านการตัดสินใจต่อ”การเลือกตั้ง”ในที่สุด
หาก “ความรู้สึก”ผันไปกลายเป็น”กระแส”ในทางสังคม