มองเผิน-เผิน เหมือนกับความพยายามของ “ตำรวจ” และของ”ดีเอสไอ” เป็นเรื่องน่าหัวเราะ เห็นได้จากการอายัด “ของกลาง”

“ของกลางคดีอาญาที่ 2289/2559 ห้ามใช้ ห้ามเคลื่อนย้ายหรือ กระทำการใดๆให้สูญหาย หรือเสียหาย หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายและถูกดำเนินคดีต่อไป”
ติดไว้บน”ประตู”และ”กำแพง” รวมแล้ว 17 จุดรอบวัดพระธรรมกาย
กระนั้น ลองพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุม
ทั้งหมดนี้ล้วนดำเนินไปตาม “แผน” อันมาจาก “สมองก้อนโต” ที่ประสานและร่วมมือกันในลักษณะ 4 ประสาน
1 ดีเอสไอ 1 ตำรวจ 1 ฝ่ายปกครอง 1 ทหาร
เป้าหมายหนึ่งเดียวอันแน่วแน่ มั่นคง ก็คือ ต้องจับตัว พระเทพญาณมหามุนี มาให้จงได้
จึง”รวมศูนย์”ความคิดไปยัง “พระธัมมชโย”

ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการเมื่อเดือนมิถุนายน ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการในเดือนธันวาคม
จิต 1 ใจเดียว คือ “พระธัมมชโย”
การรุกเข้าไปยัง หอระฆัง ไปยัง โบสถ์ ห้องน้ำ เสาไฟฟ้า ลานจอดรถ สะพาน ประตู กำแพง
ล้วนเพื่อบรรลุ “เป้า” ตาม “หมายจับ”
แม้กระทั่ง การตั้ง 7 ด่านโดยรอบวัดพระธรรมกาย เข้มงวดกับรถตู รถบัส เต็มพิกัด
จิต 1 ใจเดียวคือ “พระธัมมชโย”
เรียกตามสำนวนของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ก็คือ ตีให้น่วม ลดทอนกำลังอย่างไม่ท้อแท้ โรยรา
เมื่อถึง “จังหวะ” อันเหมาะสม ก็”จัดการ”
หมายค้นเมื่อเดือนมิถุนายนอาจล้มเหลว หมายค้นใบแรกใน เดือนธันวาคมอาจล้มเหลว
แต่มิได้ทำให้”ดีเอสไอ”หมดพลัง กำลังใจ

จากนี้จึงเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า การอายัดของกลาง”คดีอาญา”โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้เป็นเรื่อง “ตลก” ขบขัน
แม้ไม่สามารถนำ”ของกลาง”ไปเก็บ
แต่ในอีกด้านก็เท่ากับยืนยันความเป็น “ของกลาง” รอคอยการรุกคืบไปอีก “ก้าวใหญ่”
เพราะว่า “กำแพงวัด” มี “บทบาท”
ยิ่งกว่านั้น ประตูอันเป็นทางเข้าวัดไม่ว่าประตู 1 ไม่ว่าประตู 7 ล้วนมี “บทบาท”
สัปดาห์”หน้า” บทบาทจะเด่นชัด
พลันที่ “ดีเอสไอ”ได้ “หมายค้น”ใหม่ออกมาครอบคลุมระยะเวลาตลอด 24 ชั่วโมง คำสั่ง”อายัด”ของกลางทั้งหมดนี้จะสะท้อนความหมายออกมา
เพราะ”ข่าวกรอง”ของดีเอสไอยืนยันว่า พระเทพญาณมหามุ นี ยังอยู่
อยู่ใน”วัดพระธรรมกาย”เหมือนกำแพง”วัดพระธรรมกาย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน