ปัญหาความรุนแรงทางสังคมที่สะท้อนผ่านคดีอาชญากรรมในช่วงเวลานี้ ไม่มีเพียงความรุนแรงต่อสตรีอันเกิดจากทัศนคติของสังคมชายเป็นใหญ่เท่านั้น ยังมีปัญหาความรุนแรงต่อเด็กเพราะทัศนคติผู้ใหญ่ใช้อำนาจเหนือเด็กหรือผู้มีวัยน้อยกว่าด้วย

ดังเห็นได้จากข่าวที่หลวงตาวัย 64 ทำร้ายร่างกายสามเณรวัย 9 ขวบ กลางวัดดัง จ.กาญจนบุรี จนโคม่าและเสียชีวิตในที่สุด

ข่าวรุ่นพี่นักศึกษารุมซ้อมรุ่นน้องจนถึงขั้นม้ามแตก

หรือแม้แต่ในกองทัพที่เกิดความรุนแรงซ้ำอีก เมื่อพลทหารรุ่นพี่ทำร้าย หรือ “ซ่อม” พลทหารรุ่นน้องบาดเจ็บสาหัส

เหตุการณ์หรือคดีเหล่านี้เป็นเรื่องย้ำเตือนต่อคนในสังคมอีกครั้งว่า จะต้องทบทวนทัศนคติและความคิดเรื่องการเคารพต่อบุคคลเสียใหม่

หลังจากสังคมไทยผ่านพ้นยุคศักดินา ระบบไพร่ทาส จนมาถึงยุคสมัยที่เคยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาแล้ว

ดังนั้นควรจะยุติการนับถือผู้ใหญ่-ผู้น้อย ที่ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ

แม้ว่าช่วงเวลานี้ประชาธิปไตยจะหยุดชะงักทางการเมือง แต่สังคมต้องพยายามพัฒนาต่อไปให้ได้ เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถานที่ทำงาน ฯลฯ

การรักษากิริยามารยาทที่อ่อนน้อมต้องไม่เปิดโอกาสให้ใช้เป็นข้ออ้างว่า เด็กดีคือเด็กที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ใหญ่โดยไม่เคยมีคำถามหรือข้อโต้แย้งใดๆ หากคำสั่งนั้นไร้ศีลธรรมหรือไม่ชอบธรรม

หากคนในสังคมยังเพิกเฉยและปล่อยให้ทัศนคติเชื่อฟังผู้ใหญ่โดยคิดเองไม่ได้ ยังดำเนินต่อไป ก็จะเสี่ยงเกิดอาชญากรรมที่ผู้ใหญ่ใช้ความรุนแรงต่อผู้อ่อนวัยกว่าอย่างไม่สิ้นสุด

จะมีกรณีที่ผู้ใหญ่แสดงกิริยาที่ระบายความโกรธเกรี้ยว ด่าทอ หรือใช้กำลังต่อผู้ที่คิดว่าด้อยสถานะกว่าตนเอง และไม่เชื่อฟังตนเอง

สิ่งเหล่านี้สังคมจะต้องร่วมกันปฏิเสธและไม่ยอมรับ และหันไปส่งเสริมให้คนเราเคารพให้เกียรติกัน ไม่ว่าใครจะแก่มากแก่น้อยกว่ากัน ใครมีอำนาจมากกว่าใคร

รวมถึงเร่งฟื้นฟูประชาธิปไตยซึ่งเป็นระบอบที่เปิดโอกาสให้เกิดความเท่าเทียมกันได้มากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน