หากไม่ศึกษารากที่มาของคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ให้ถ่องแท้จะไม่เข้าใจหรอกถึงการจะออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับใหม่เพื่อ “คลายล็อก”
เพราะคำว่า “คลายล็อก” เป็นการคลายจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 เป็นสำคัญ
เป็นเพียง “คลาย” มิใช่การ “ปลด”
เพราะว่าหากปลดล็อกก็ต้องมุ่งไปยังประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ประสานกับคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เป็นสำคัญ
คำถามก็คือ คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
คำตอบของคำถามนี้มิได้เร้นลับเพราะว่าสืบเนื่องมาจากความต้องการของ 2 คนสำคัญ
1 คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 1 คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
2 คนนี้ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าคสช.ขอให้พิจารณาแก้ไขพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
ทั้งๆที่เพิ่งประกาศและบังคับใช้เมื่อเดือนตุลาคม 2560
คสช.จึงพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ผลก็คือ มัดตราสังพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
ผลก็คือ พรรคการเมืองใหม่สามารถหาสมาชิกได้จำนวนหนึ่งหลังจากขอจดแจ้งพรรคกับกกต.
ผลก็คือ พรรคการเมืองเก่าถูก “เซ็ตซีโร่” ที่เคยมีสมาชิกเป็นล้านและหลายล้าน ก็คงเหลือเพียงแสนและหมื่น
เพราะกำหนดเวลาให้แสดงความจำนงเพียง 1 เดือน
ผลที่คสช.และผู้เสนอมิได้คาดคิดก็คือ คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 สะเทือนต่อการทำ “ไพรมารีโหวต”
จึงมีความคิดที่จะปรับเปลี่ยน “ไพรมารีโหวต”
เป็นการปรับเปลี่ยนขณะที่พรรคการเมืองเดิมและพรรคการเมืองใหม่ประกาศความพร้อมที่จะทำแม้จะติดล็อกแค่ไหนก็ตาม
ปัญหาอยู่ที่กระบวนการ “พลังดูด” ระบบไพรมารีโหวตทำให้สายธารแห่งการดูดไม่สามารถจะเดินไปด้วยความราบคื่น
พรรคพลังดูดจึงขอให้ “คสช.”แก้ไขปัญหาให้