ยิ่งเกาะติดกรณี “ตกเขียว” ทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยิ่งสัมผัสได้ถึงความสลับซับซ้อนของสถานการณ์

คล้ายกับจะเป็นวีรกรรมหาญกล้าของ “แรมโบ้”

สะท้อนให้เห็นถึงฐานเสียงอันแข็งแกร่งของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ในเสิงสาง ครบุรี

ใครเข้าไป “แตะ” ก็ต้อง “เจ็บ”

แต่เมื่อทุกอย่างเป็นการปะทะระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับ พรรคภูมิใจไทย

ผู้คนก็เริ่มเหยียบ”เบรก”กันโดยอัตโนมัติ

ไม่ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ล้วนอยู่ในสภาวะนะจังงังโดยพร้อมหน้า

สงสัยว่าจะเป็น”ปืนลั่น”มาจาก “แรมโบ้”

ต้องยอมรับว่านครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ประกอบด้วย 32 อำเภอประสานเข้าด้วยกัน

การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ก็มีถึง 14 เขต

กล่าวในแง่พื้นที่การเลือกตั้งนครราชสีมาจะเป็นรองก็เพียง กรุงเทพมหานครซึ่งมี 30 เขต

การต่อสู้ทางการเมืองจึงเข้มข้น

หากดูจากการเลือกตั้งนับแต่เดือนมกราคม 2544 มายังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 น่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย อย่างเป็นด้านหลัก

แต่พอมีพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นจึงไม่แปลกที่จะเข้าไปปะทะกับพรรคภูมิใจไทยก่อนเป็นอันดับแรก

นั่นมิได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีบทบาท

เพียงแต่นัดนี้ไม่ว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ไม่ว่านายโกเมศ ปัทมะ ไม่ว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ล้วนเล่นบทขึ้นบนภู คอยดูพรรคพลังประชารัฐปะทะกะพรรคภูมิใจไทย

เล่นบท”ตาอยู่”คอยคว้าพุงปลาจากตาอินกะตานา

ปมเงื่อนของปัญหาฉาวโฉ่นี้เหมือนกับจะคึกคักอยู่ในพื้นที่เสิงสาง ครบุรี ของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

ทั้งๆที่ยังมีอยู่ในพื้นที่ “บัวใหญ่”

เช่นนี้เองปีกทางด้านพรรคเพื่อไทยจึงปล่อยคำว่า”ตัดตอน”ออกมาต่อความพยายามของ “แรมโบ้”

หลายคนจึงรอว่าอีกไม่นานข้อมูล”บัวใหญ่”คงแผ่แบออกมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน